มาแน่! ‘คนละครึ่ง พลัส’ ต.ค.นี้ เพิ่มช่องทางช้อปออนไลน์ เอาใจแม่ค้า-ลูกค้า
โครงการคนละครึ่ง พลัส ภายใต้นโยบาย “ควิก บิ๊ก วิน” รัฐบาลเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ควบคู่ยกระดับผู้ประกอบการรายย่อยสู่ระบบดิจิทัล
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยถึงนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า หนึ่งในโครงการแรก ๆ ที่จะถูกผลักดันทันทีหลังการแถลงนโยบาย คือ “โครงการคนละครึ่ง พลัส” ซึ่งถือเป็นการต่อยอดจากโครงการคนละครึ่งในอดีต แต่มีการเพิ่มฟังก์ชันและแนวทางใหม่ ๆ ที่จะไม่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ยังวางรากฐานที่แข็งแรงสำหรับระยะยาว
รัฐบาลมุ่งหมายให้โครงการนี้เป็นหนึ่งใน มาตรการเรือธงของนโยบาย “ควิก บิ๊ก วิน” ซึ่งมีแนวคิดหลักว่า “เร็ว ใหญ่ ฟื้นเร็ว มุ่งยาว” หมายถึง ต้องออกมาตรการที่สามารถดำเนินการได้เร็ว ขนาดใหญ่พอที่จะสร้างผลลัพธ์ในเชิงเศรษฐกิจ ฟื้นฟูสถานการณ์ได้ทันที และยังส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาว
ความพร้อมของกระทรวงการคลัง และไทม์ไลน์การเริ่มโครงการ
จากข้อมูลของนายเอกนิติ กระทรวงการคลังได้เตรียมระบบและกลไกต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว งบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับโครงการก็พร้อมใช้งานทันที ดังนั้นจึงคาดว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส จะสามารถเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ตั้งแต่ครั้งที่ 2 หลังการแถลงนโยบาย หรือต้นเดือนตุลาคมนี้ และสามารถเริ่มดำเนินการได้จริงภายในเดือนตุลาคม 2568
นี่ถือเป็นการตอกย้ำแนวคิด ควิก (Quick) อย่างแท้จริง เพราะประชาชนจะไม่ต้องรอคอยมาตรการนานเกินไป สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์และมาตรการช่วยเหลือได้ทันที
โครงการคนละครึ่ง พลัส แตกต่างจากคนละครึ่งเดิมอย่างไร?
ในอดีต โครงการคนละครึ่ง ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากประชาชน เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจับจ่ายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน และกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในวงกว้าง แต่สำหรับ เวอร์ชันใหม่ที่ชื่อ “คนละครึ่ง พลัส” นี้ รัฐบาลได้วางเป้าหมายให้กว้างไกลกว่านั้น โดยมีการเพิ่มองค์ประกอบดังนี้
1. ช่วยเหลือประชาชนและผู้บริโภคโดยตรง
ประชาชนยังคงได้รับสิทธิในการซื้อสินค้าพร้อมการช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งจากรัฐ
เน้นการอำนวยความสะดวกผ่านระบบดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันที่ปรับปรุงใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น
2. ยกระดับผู้ค้ารายย่อยสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
ไม่ใช่เพียงการช่วยให้ขายสินค้าได้มากขึ้น แต่รัฐบาลจะมีการ ฝึกอบรมพ่อค้าแม่ค้า เช่น การขายออนไลน์ การทำบัญชีพื้นฐาน หรือการใช้เครื่องมือทางการเงินดิจิทัล
ตัวอย่างเช่น แม่ค้าขายหมูปิ้ง ที่ปกติขายเฉพาะในชุมชนหรือหน้าปากซอย อาจได้รับการสนับสนุนให้ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งของได้ทั้งอำเภอ หรือแม้แต่ทั่วประเทศ
3. สร้างฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น
เมื่อพ่อค้าแม่ค้าเข้าร่วมโครงการ จะมีการบันทึกข้อมูลการขายและรายรับ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นกู้จากสถาบันการเงินได้ในอนาคต
สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และเติบโตอย่างยั่งยืน
ผลดีระยะสั้น: กระตุ้นเศรษฐกิจทันที
รัฐบาลมองว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส จะช่วยสร้างผลเชิงบวกได้ทันทีในระยะสั้น เพราะประชาชนจะมีแรงจูงใจในการจับจ่ายมากขึ้น เงินหมุนเวียนสู่ร้านค้ารายย่อย ทำให้ตลาดระดับชุมชนคึกคัก ขณะเดียวกันก็ช่วยลดภาระค่าครองชีพในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว
เมื่อประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้น ร้านค้าก็จะมีรายได้เพิ่ม ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายหลักของนโยบาย ควิก บิ๊ก วิน
ผลดีระยะยาว: วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
สิ่งที่แตกต่างจากมาตรการชั่วคราวในอดีตคือ โครงการนี้ไม่ได้เน้นแค่การใช้เงินของรัฐเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย แต่ยังมุ่งหวังให้เกิดการปรับตัวในระยะยาว โดยเฉพาะการนำผู้ค้ารายย่อยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
การทำบัญชีรายรับรายจ่าย
พ่อค้าแม่ค้าจะถูกฝึกให้รู้จักบันทึกการเงินอย่างถูกต้อง ซึ่งช่วยให้สามารถวางแผนธุรกิจได้ดีขึ้น
การยื่นกู้จากสถาบันการเงิน
ข้อมูลจากการเข้าร่วมโครงการสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการกู้เงิน เพิ่มโอกาสให้ผู้ค้ารายเล็กเข้าถึงทุนหมุนเวียน
การขยายตลาด
จากเดิมที่ขายได้เฉพาะหน้าร้าน ก็สามารถขยายไปสู่การขายออนไลน์ เพิ่มโอกาสในการทำกำไรและเข้าถึงลูกค้าใหม่
ควบคู่โครงการใหญ่: PPP ฟาสต์แทร็ก
นอกจากโครงการคนละครึ่ง พลัสแล้ว รัฐบาลยังมีแผนเดินหน้า โครงการลงทุนขนาดใหญ่ผ่านรูปแบบ PPP (Public-Private Partnership) ฟาสต์แทร็ก ซึ่งหมายถึงความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
ที่ผ่านมา มีเอกชนจำนวนมากยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI (คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) แต่ยังติดขัดเรื่องกระบวนการอนุมัติ ทำให้ยอดเงินลงทุนจริงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น รัฐบาลจะเข้ามา ปลดล็อกอุปสรรค ลดขั้นตอนการอนุญาตให้รวดเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นการลงทุนในทันที
รักษาวินัยการคลังและธรรมาภิบาล
แม้จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ละเลยเรื่อง วินัยการเงินการคลัง โดยทุกโครงการจะมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ทั้งด้านการใช้งบประมาณ ประโยชน์ต่อประชาชน และผลตอบแทนต่อระบบเศรษฐกิจ
การกำกับดูแลอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล จะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าเม็ดเงินภาษีถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่า และสร้างผลลัพธ์ที่แท้จริงต่อเศรษฐกิจไทย
เสียงสะท้อนจากสังคม: ความคาดหวังต่อโครงการคนละครึ่ง พลัส
ประชาชนส่วนใหญ่ต่างเฝ้ารอคอยการกลับมาของโครงการคนละครึ่งในรูปแบบใหม่ เพราะเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรายย่อยก็มีความหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาไปสู่การทำธุรกิจยุคใหม่
หลายฝ่ายเชื่อว่า หากโครงการนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น จะเป็นโมเดลสำคัญที่ทำให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถเติบโตและแข่งขันได้อย่างมั่นคงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
บทสรุป
โครงการคนละครึ่ง พลัส ภายใต้นโยบาย ควิก บิ๊ก วิน ไม่ได้เป็นเพียงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายระยะสั้น แต่เป็น การลงทุนในอนาคตของประเทศ เพราะนอกจากจะช่วยให้ประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มการหมุนเวียนของเศรษฐกิจแล้ว ยังสร้างทักษะใหม่ ๆ ให้ผู้ค้ารายย่อย เข้าสู่ระบบดิจิทัล และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
นโยบายนี้จึงสะท้อนถึงแนวคิด “เร็ว ใหญ่ ฟื้นเร็ว มุ่งยาว” อย่างแท้จริง และอาจกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว





















