ลุ้นระทึก! วิศวกรห่วงตึก สน.สามเสน อาจยุบตัว หากไม่แก้ปัญหาดินทรุด
เกาะติดสถานการณ์ถนนทรุดตัว–ดินสไลด์ หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และสถานีตำรวจสามเสน กทม. เสี่ยงกระทบอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน
เหตุการณ์ถนนทรุดตัวและดินสไลด์ที่เกิดขึ้นบริเวณ ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากทั้งประชาชนและสื่อมวลชน เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับพื้นที่สำคัญ ได้แก่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล และ สถานีตำรวจนครบาลสามเสน รวมถึงยังอยู่เหนือเส้นทางโครงการก่อสร้าง รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีวชิระ ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน จึงทำให้ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่นี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ดร.เอ๋ สุชัชวีร์ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ยืนยันหลุมยุบเชื่อมโยงอุโมงค์รถไฟฟ้า
หลังจากเกิดเหตุการณ์ถนนทรุดตัวจนกลายเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่ ดร.เอ๋ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และอดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ทันที พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า
“หลุมยุบที่เห็นด้านหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลนั้น ลึกทะลุไปถึงอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินที่สร้างเสร็จแล้ว และดินกำลังไหลเข้าสู่อุโมงค์อย่างต่อเนื่อง หากไม่เร่งปิดอุโมงค์จากด้านในหรือด้านนอก ดินจะไหลลงไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหากมีฝนตกลงมา จะยิ่งเร่งให้ดินทรุดตัวรุนแรงขึ้น”
คำเตือนนี้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อโครงสร้างของรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงสิ่งปลูกสร้างรอบข้างที่อาจได้รับผลกระทบในอนาคต
ความเสี่ยงของถนนและสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ
หนึ่งในความกังวลหลักคือ สถานีตำรวจนครบาลสามเสน ที่ตั้งอยู่ติดกับจุดเกิดเหตุ โดยจากการประเมินเบื้องต้นพบว่าไม่ใช่เพียงเสาเข็มด้านหน้าที่หลุด แต่ดินใต้ฐานอาคารได้ทรุดลึกลงไปเกือบ 20 เมตร ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างอาคารทั้งหมด
ดร.เอ๋ กล่าวเพิ่มเติมว่า
“สิ่งที่น่าห่วงที่สุดคืออาคาร สน.สามเสน เพราะหากตึกทั้งหลังทรุดตัวลงไป จะสร้างปัญหาใหญ่หลวงทั้งด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ขณะนี้จึงต้องภาวนาอย่าให้ตึกยุบลงมา และขอความร่วมมือไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พื้นที่โดยเด็ดขาด”
ส่วนทางด้าน อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล แม้ว่าจะอยู่ใกล้หลุมยุบ แต่ถือว่าโชคดีที่อาคารสร้างด้วยเสาเข็มลึกที่ทะลุผ่านชั้นอุโมงค์ลงไป ทำให้โครงสร้างยังคงมั่นคง ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงในตอนนี้
มาตรการที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน
ดร.เอ๋ และทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่ลงพื้นที่ต่างเห็นตรงกันว่า สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ
1. เร่งปิดปากอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน – เพื่อหยุดการไหลของดินเข้าสู่ช่องอุโมงค์ หากปล่อยไว้นาน ดินจะยุบตัวลึกลงไปเรื่อย ๆ และยากต่อการควบคุม
2. ติดตั้งหมุดวัดการเคลื่อนตัวของดิน – การสังเกตด้วยสายตาไม่สามารถบอกได้ว่าพื้นกำลังทรุดหรือไม่ ต้องใช้เครื่องมือวิศวกรรมตรวจวัด เพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าและอพยพประชาชนได้ทันเวลา
3. เฝ้าระวังฝนตกหนัก – หากมีฝนตกลงมาในพื้นที่ จะทำให้การทรุดตัวรุนแรงขึ้นและอาจเกิดหลุมยุบเพิ่มเติม
4. จำกัดพื้นที่ห้ามเข้า – ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลและรอบ สน.สามเสน ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่อันตรายที่ไม่ควรมีบุคคลทั่วไปเข้าไปใกล้
สถานการณ์ปัจจุบันและความห่วงใยของประชาชน
ขนาดของหลุมที่เกิดขึ้นนั้นมีความกว้างและลึกมาก จนในช่วงบ่ายวันที่เกิดเหตุได้มี เสาไฟฟ้าล้มลงไปในหลุม แสดงให้เห็นถึงอันตรายที่แท้จริง ไม่เพียงส่งผลต่อการสัญจร แต่ยังอาจกระทบระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา และโทรคมนาคมอีกด้วย
ชาวบ้านในพื้นที่ต่างแสดงความกังวลอย่างหนัก หลายคนย้ำว่าไม่เคยเห็นเหตุการณ์ทรุดตัวที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน และเกรงว่าหากไม่เร่งแก้ไข จะเกิดการยุบตัวลุกลามไปยังถนนเส้นหลักอื่น ๆ ของเขตดุสิต
มุมมองทางวิศวกรรม
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธาได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การทรุดตัวและดินสไลด์ในลักษณะนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
การก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินที่ทำให้ดินด้านบนสูญเสียสมดุล
น้ำใต้ดินไหลเข้ามาสะสมในโพรงจนเกิดการกัดเซาะ
ฝนตกหนักต่อเนื่องที่ซึมลงดินและเร่งให้เกิดการทรุดตัว
ทั้งหมดนี้ทำให้หลุมที่เกิดขึ้นไม่ได้หยุดการขยายตัวโดยธรรมชาติ แต่จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีการแก้ไขเชิงวิศวกรรมอย่างจริงจัง
ทำไมต้องจับตาเหตุการณ์นี้ใกล้ชิด
กรุงเทพมหานครถือเป็นเมืองที่มีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยเฉพาะโครงข่ายรถไฟฟ้าใต้ดินที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ทรุดตัวหรือดินสไลด์ มักเชื่อมโยงกับความกังวลต่อความมั่นคงของอุโมงค์ใต้ดินและอาคารโดยรอบ
กรณีของ ถนนสามเสน หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล จึงไม่ใช่เพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ แต่เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความจำเป็นในการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง และวางมาตรการป้องกันในระยะยาว
ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ
หลายฝ่ายเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และวิศวกรอิสระ เข้ามาร่วมกันตรวจสอบอย่างละเอียด โดยควรดำเนินการดังนี้
สำรวจโครงสร้างใต้ดินอย่างครบถ้วน เพื่อประเมินความมั่นคงของอุโมงค์และฐานรากอาคาร
ติดตั้งระบบตรวจวัดแบบเรียลไทม์ ที่สามารถส่งสัญญาณเตือนได้ทันทีหากมีการเคลื่อนไหวของดิน
จัดทำแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน สำหรับประชาชนและหน่วยงานใกล้เคียง หากเกิดการทรุดตัวรุนแรงกะทันหัน
สื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ประมาทกับความเสี่ยง
บทสรุป
สถานการณ์ถนนทรุดตัวและดินสไลด์บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลและสถานีตำรวจสามเสน ถือเป็นวิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง ความลึกของหลุมที่ทะลุถึงอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน ทำให้เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงปัญหาพื้นถนน แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่ามหาศาล และชีวิตของประชาชนจำนวนมาก
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องเร่งดำเนินมาตรการเชิงวิศวกรรมเพื่อหยุดยั้งการทรุดตัว และติดตั้งระบบตรวจวัดที่แม่นยำ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในอนาคต เหตุการณ์นี้คือสัญญาณเตือนว่า การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในเมืองหลวงต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบความมั่นคงของดินและโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง
















