ถนนหน้าวชิระทรุดตัว เห็นข่าวจากเฟซบุ๊กแล้วตกใจมาก…ไม่คิดว่าจะเกิดกลางกรุง!
ปกติทุกเช้าตื่นมาก็จะเลื่อนเฟซบุ๊กเช็กข่าวนู่นนี่ไปเรื่อย ๆ ค่ะ แต่เช้าวันนี้ (24 ก.ย. 68) พอเจอรูปถนนตรงหน้าโรงพยาบาลวชิระทรุดตัวลงไปเป็นหลุมมหึมา บอกเลยว่าขนลุกจริง ๆ ใจเต้นตุ้บ ๆ เลย เพราะเราไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะมาเกิดในกรุงเทพฯ
ตอนแรกที่เห็นโพสต์ก็ยังแอบคิดในใจว่า อ้าว…มันข่าวเก่าหรือเปล่า หรือ อาจจะเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่กรุงเทพ แต่พอไล่อ่านรายละเอียดแล้วชัดเลยว่าใช่จริง ๆ ค่ะ คือบริเวณถนนสามเสนหน้าโรงพยาบาลวชิระ ซึ่งเป็นเส้นทางที่รถเยอะมาก คนผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา อยู่ดี ๆ ก็ยุบลงไปเป็นหลุมขนาดใหญ่กว้างประมาณ 30 เมตร ยาว 30 เมตร และลึกกว่า 50 เมตร โอ้โห…คือภาพมันชัดเจนมากแบบเหมือนถนนถูกดูดหายไปทั้งก้อน
ความรู้สึกตอนนั้นคือใจหาย เพราะเรานึกภาพตามว่า ถ้าเกิดมีรถเยอะ ๆ หรือมีคนกำลังเดินอยู่ตรงนั้น แล้วพื้นถนนทรุดตัวลงไปทันที จะเกิดโศกนาฏกรรมขนาดไหน ดีที่ตามข่าวบอกว่าไม่มีคนเจ็บหนักหรือเสียชีวิตตรงนั้น ไม่งั้นคงเป็นภาพที่เลวร้ายกว่านี้มากแน่ ๆ
จากภาพที่แชร์ในเฟซบุ๊ก เห็นเสาไฟฟ้าล้มลงไปพร้อมกับรถยนต์บางคันที่จอดอยู่ด้วย เห็นแล้วมันน่ากลัวสุด ๆ เพราะเสาไฟฟ้าคือของใหญ่และหนักมาก แต่ยังถูกดินกลืนลงไปได้ง่าย ๆ แบบนี้ นับว่ารุนแรงจริง ๆ ไม่ใช่แค่หลุมเล็ก ๆ ให้ต้องซ่อมถนนธรรมดา แต่เป็นการทรุดตัวที่ทำให้ทั้งพื้นที่พังยกแผ่น
ในมุมเราที่เป็นคนทั่วไป เวลาขับรถหรือเดินผ่านถนน เราแทบไม่เคยนึกเลยว่าใต้เท้ามันอาจมีอะไรเกิดขึ้นตลอดเวลา เรามักคิดว่าถนนมันแข็งแรงและปลอดภัย แต่เหตุการณ์นี้สอนให้รู้เลยว่า “ไม่มีอะไรแน่นอน” และโครงสร้างพื้นดินมันอาจจะมีปัญหามานานแล้วก็ได้ เพียงแต่เราไม่รู้ตัว
อีกเรื่องที่เราสะเทือนใจคือโรงพยาบาลวชิระต้องประกาศงดรับผู้ป่วยนอกทันที แล้วมีการอพยพคนไข้และบุคลากรที่อยู่ใกล้จุดเสี่ยงออกมา ซึ่งคิดดูสิคะว่าผู้ป่วยบางคนอาจกำลังรักษาอยู่ บางคนอาจนอนพักฟื้น ยังไม่พร้อมเคลื่อนย้าย แต่ก็ต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ที่บังคับให้ต้องย้ายกะทันหัน มันคงลำบากทั้งคนไข้ ญาติ และหมอพยาบาลมาก ๆ
นอกจากนี้ยังมีการตัดน้ำ ตัดไฟในพื้นที่เพื่อความปลอดภัยด้วยค่ะ ยิ่งคิดยิ่งสงสารคนที่อยู่ในละแวกนั้น เพราะอยู่ดี ๆ ชีวิตประจำวันก็ต้องหยุดชะงักแบบไม่มีใครทันตั้งตัว
พออ่านต่อไปก็เห็นว่าผู้ว่าฯ กทม. คุณชัชชาติ ลงพื้นที่ไปดูเอง พร้อมทีมวิศวกร เขาบอกว่าสาเหตุอาจเกิดจากดินไหลเข้าไปในอุโมงค์รถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นพอดี พอเกิดช่องว่างในรอยต่อก็เลยทำให้ดินทรุดตัวลงมาได้ง่ายขึ้น ยิ่งบวกกับมีท่อประปาแตก น้ำรั่วซึมเข้าไปอีก ก็ยิ่งทำให้ดินอ่อนตัวและยุบตัวรุนแรงกว่าเดิม
อ่านแล้วก็นึกภาพตามว่า ถ้าเราเดินผ่านหรือขับรถตรงนั้นในนาทีที่มันยุบลงไป…โอ้โห คงไม่อยากจะนึกต่อเลยค่ะ เหมือนในหนังภัยพิบัติเลยทีเดียว
ความรู้สึกส่วนตัวคือ มันน่ากลัวมากจริง ๆ และทำให้เราไม่มั่นใจในโครงสร้างพื้นฐานบ้านเราเท่าไหร่เลยนะ เพราะกรุงเทพก็มีการก่อสร้างตลอดเวลา ทั้งรถไฟฟ้า อุโมงค์ ถนนตัดใหม่ ถ้าไม่ได้ตรวจสอบหรือดูแลดี ๆ เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้อีก และไม่รู้ครั้งหน้าจะโชคดีเหมือนครั้งนี้หรือเปล่าที่ไม่มีใครเป็นอะไร
อีกอย่างที่แอบกังวลคือเรื่องผลกระทบระยะยาวค่ะ เพราะโรงพยาบาลวชิระถือเป็นโรงพยาบาลใหญ่ มีคนไข้เยอะมาก การที่ต้องหยุดชะงักแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย คนไข้ที่นัดหมอไว้จะทำยังไงต่อ ญาติที่มีคนป่วยในโรงพยาบาลก็ต้องปรับตัวทันที แล้วกว่าจะซ่อมแซมเสร็จ หรือมั่นใจว่าอาคารรอบ ๆ ปลอดภัย อาจจะใช้เวลานานพอสมควร
ตอนเลื่อนดูคอมเมนต์ในเฟซ ก็เห็นหลายคนออกมาแชร์ความเห็นเหมือนกัน บางคนบอกว่า “นี่แหละผลจากการก่อสร้างไม่รอบคอบ” บางคนก็ห่วงคนไข้ในโรงพยาบาล บางคนถึงกับบอกว่า “ถ้าถนนกรุงเทพยังไม่ปลอดภัยแล้วเราจะมั่นใจตรงไหนได้” อ่านแล้วก็รู้สึกว่าทุกคนต่างก็มีความกังวลเหมือนกัน
จริง ๆ แล้วเมืองใหญ่หลายประเทศก็เคยมีเหตุการณ์ถนนทรุดตัวแบบนี้นะคะ แต่พอมาเกิดกับบ้านเรา และเกิดในจุดที่ใกล้โรงพยาบาลและมีคนใช้สัญจรตลอดเวลา มันเลยกระทบใจแรงมาก
สิ่งที่อยากเห็นหลังจากนี้คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบให้ละเอียดจริง ๆ ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร และแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด ไม่ใช่แค่ซ่อมผิวถนนแล้วจบ แต่ต้องดูว่าใต้ดินยังมีจุดเสี่ยงอีกไหม มีท่อหรืออุโมงค์ตรงไหนที่อาจเป็นปัญหาในอนาคต เพื่อจะได้ป้องกันไว้ก่อน ไม่ใช่รอให้เกิดเหตุแล้วค่อยแก้
สุดท้ายก็อยากฝากว่า เหตุการณ์นี้มันเตือนใจเราทุกคนจริง ๆ ค่ะ ว่า “ชีวิตประจำวันไม่แน่ไม่นอนเลย” เดินถนนหรือขับรถในเมืองหลวงที่เราคิดว่าปลอดภัย บางทีก็อาจมีอะไรเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันคาดคิด อย่างน้อยก็อยากให้ทุกคนมีสติ และถ้าเห็นพื้นที่ไหนที่มีรอยแตก รอยทรุด หรือมีการก่อสร้างใหญ่ ๆ ควรระวังไว้บ้าง
ใครที่อยู่แถว ๆ นั้น หรือมีญาติทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ มาแชร์หน่อยนะคะว่าเหตุการณ์จริง ๆ ตอนนั้นเป็นยังไง รู้สึกยังไงบ้าง เราเองแค่เห็นจากหน้าจอยังใจสั่นเลย ถ้าเจอกับตาคงช็อกมากแน่ ๆ 😥















