Grue Jay นกไฮบริดตัวแรกจากภาวะโลกร้อน สัญญาณเตือนจากธรรมชาติ
ภาวะโลกร้อนไม่ใช่แค่เรื่องของอุณหภูมิที่สูงขึ้น แต่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ ได้ค้นพบหลักฐานที่น่าทึ่ง นั่นคือ “Grue Jay” นกไฮบริดสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง นกบลูเจย์ (Blue Jay) กับ นกกรีนเจย์ (Green Jay) ซึ่งการกำเนิดของนกตัวนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนจากธรรมชาติว่าโลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ecology & Evolution ระบุว่า การผสมข้ามสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลโดยตรงจาก การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเดิมที นกทั้งสองสายพันธุ์นี้มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 7 ล้านปีก่อน ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกัน นกบลูเจย์อาศัยอยู่ในป่าเขตอบอุ่นทางตะวันออกของสหรัฐฯ ขณะที่นกกรีนเจย์อาศัยอยู่ในเขตร้อนของอเมริกากลางและใต้ และถิ่นที่อยู่ของทั้งคู่ก็ไม่เคยซ้อนทับกันเลย
แต่ทุกวันนี้ อุณหภูมิที่สูงขึ้นได้บีบให้นกกรีนเจย์ต้องขยายถิ่นที่อยู่ขึ้นไปทางเหนือ ขณะที่นกบลูเจย์ก็ขยับไปทางตะวันตก จนในที่สุด สองสายพันธุ์ที่แยกจากกันมานานนับล้านปีก็ได้มาพบกันที่รัฐเท็กซัส
นักวิจัยเชื่อว่า "Grue Jay" ที่พบนี้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังลูกผสมในป่าตัวแรกที่เกิดจากการขยายถิ่นที่อยู่ของพ่อแม่ทั้งสองสายพันธุ์อันเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ปรากฏการณ์นี้คล้ายคลึงกับกรณีของ “Pizzly Bear” หรือหมีไฮบริดที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างหมีขั้วโลกกับหมีกริซลี ซึ่งเกิดจากการที่น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ถิ่นที่อยู่ของหมีทั้งสองซ้อนทับกัน
การค้นพบนกตัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลากว่าสองวันในการจับนกที่แสนจะ "ไม่ให้ความร่วมมือ" ตัวนี้ หลังจากที่เห็นภาพถ่ายจากโซเชียลมีเดียที่ไม่ชัดเจนนัก เมื่อจับได้แล้วจึงทำการเก็บตัวอย่างเลือดและติดแท็กเพื่อทำการศึกษาต่อไป
นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า ในธรรมชาติอาจมีการผสมข้ามสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าที่เราคิดไว้ เพียงแต่ในอดีตข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์เป็นตัวขวางกั้นไม่ให้พวกมันมีโอกาส "ลองผสมพันธุ์" แต่ทุกวันนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังทำหน้าที่เหมือนกับเป็นผู้รื้อถอนกำแพงเหล่านั้น ทำให้สายพันธุ์ต่างๆ มีโอกาสพบกันมากขึ้น และนั่นก็กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของชีวิตบนโลกของเราไปอย่างรวดเร็ว
ปรากฏการณ์เหล่านี้ถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญจากธรรมชาติที่เราไม่อาจมองข้ามได้ เพราะมันกำลังบอกเราว่าโลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและไม่อาจหวนกลับ ซึ่งอาจนำมาสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพในอนาคต หากเรายังคงเพิกเฉยต่อปัญหาภาวะโลกร้อน
















