‘รอยสักฟัน’ ปลอดภัยไหม? ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการแฟชั่นและความงามในประเทศจีนได้เปิดรับเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร นั่นคือ "รอยสักฟัน" หรือ "Tooth Tattoos" ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่ แม้จะฟังดูน่ากังวลสำหรับสุขภาพช่องปาก แต่เทรนด์นี้ไม่ได้เป็นการสักลงบนเนื้อฟันโดยตรงอย่างที่เข้าใจกัน
รอยสักฟันนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความสวยงามและการแสดงออกทางตัวตน โดยไม่ได้ใช้เข็มสักลงบนฟันจริง แต่เป็นการแกะสลักลวดลายและสัญลักษณ์ลงบนพื้นผิวของ "ครอบฟัน" (crown) ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D printing) จากนั้นจึงนำไปครอบทับฟันจริง ทำให้เป็นวิธีที่ปลอดภัยและที่สำคัญที่สุดคือสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายดาย เพียงแค่เปลี่ยนครอบฟันใหม่ ไม่เหมือนกับรอยสักผิวหนังที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลบออก
จุดเด่นของรอยสักฟันคือความเป็นส่วนตัวและความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามอารมณ์หรือโอกาสต่างๆ ผู้ที่เลือกทำรอยสักนี้มักจะเลือกลวดลายที่มีความหมายพิเศษ เช่น อักษรย่อของคนรัก, ตัวเลขนำโชค, หรือแม้แต่วลีที่เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง เช่น "ทำเงิน" (making money) หรือ "บรรลุเป้าหมาย" (achieving goals) ความนิยมของเทรนด์นี้ถึงขนาดที่คลินิกทันตกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งเริ่มนำเสนอ "รอยสักฟัน" เป็นบริการเสริมพิเศษฟรีสำหรับลูกค้าที่มาทำครอบฟัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารอยสักฟันจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามบนโซเชียลมีเดียในประเทศจีน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วย ทันตแพทย์บางท่านในเซี่ยงไฮ้ได้ให้คำแนะนำว่าการแกะสลักลวดลายลงบนครอบฟันนั้นไม่เป็นที่แนะนำทางการแพทย์ เนื่องจากอาจลดความแข็งแรงของครอบฟันและเพิ่มโอกาสในการสึกหรอของวัสดุได้
ถึงกระนั้น รอยสักฟันก็เป็นเพียงหนึ่งในเทรนด์ความงามที่น่าทึ่งและแปลกใหม่ที่โลกได้เห็น ไม่ได้เป็นเทรนด์ที่แปลกที่สุดเท่าที่เราเคยพบเจอเมื่อเทียบกับเทรนด์อื่นๆ ในอดีต เช่น เทรนด์ "ริมฝีปากทรงเขา" ของไทย หรือการฉีดสารเติมเต็มที่ไหล่ (Shoulder Filler) ในเกาหลีใต้ ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของคนยุคใหม่ที่อยากจะแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองผ่านร่างกายในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร

















