เขมรประท้วงการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองของตน
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] กระทรวงการต่างประเทศ และ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ของกัมพูชา ได้ออกมากล่าวแถลงการณ์ประท้วงอย่างเป็นทางการ ต่อแผนการที่ไทยกล่าวว่า "จะนำกฎหมายภายในประเทศ มาบังคับใช้กับชาวกัมพูชา ในหมู่บ้านจูกเจย์และเปรยจัน ตำบลโอเบจอร์น อำเภอโอชรอว จังหวัดบันเตียเมียนเจย"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่โฆษกประจำเขตทหารที่ 1 ของไทย ได้ออกมาเตือนประชาชนโดยขู่ว่า "จะมีการลงโทษ" ซึ่งรวมถึงจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต สำหรับสิ่งที่เรียกว่า "การกระทำที่ขัดต่ออธิปไตยของไทย"
กระทรวงการต่างประเทศ และ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ของกัมพูชา กล่าวอีกว่า "การที่ไทยใช้กฎหมายภายในประเทศ ในดินแดนพิพาทนั้น เป็นการหลีกเลี่ยงพันธกรณีพื้นฐานภายใต้มาตรา 2(3) และ 2(4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งกำหนดให้มีการยุติข้อพิพาทโดยสันติ และ ห้ามการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐอื่น..."
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ กองกำลังความมั่นคงของไทย ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง โจมตีชาวบ้านชาวกัมพูชา ในหมู่บ้านเปรยจันเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2025 โดยดูเหมือนจะเป็นความพยายามในการควบคุมดินแดน
การประท้วงของกัมพูชา เกิดขึ้นพร้อมกันกับที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วของไทย กำหนดเส้นตายในวันที่ 10 ตุลาคม 2025 ให้ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ทั้งหมด ตามแนวชายแดนสระแก้ว ซึ่งติดกับจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไทยอ้างกรรมสิทธิ์
กระทรวงการต่างประเทศ และ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ของกัมพูชา กล่าวอีกว่า "การกำหนดบทลงโทษทางอาญาขั้นรุนแรง ซึ่งรวมถึงโทษประหารชีวิต ต่อชาวกัมพูชาที่ประท้วงอย่างสงบ ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง ละเมิดเสรีภาพในการชุมนุม และ การสมาคมตามที่ได้รับการคุ้มครอง ภายใต้ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และ กติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี" และ "การกระทำดังกล่าวยังขัดต่อกฎบัตรอาเซียน และ สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือ ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิก หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุและยุติข้อพิพาทโดยสันติ!!"
กระทรวงการต่างประเทศ และ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ของกัมพูชา กล่าวเสริมว่า "การบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศของไทย เกี่ยวกับที่ดินที่ไม่มีการกำหนดเขตแดน ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ ปี 2000 ระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งใช้เป็นกรอบในการแก้ไขข้อพิพาทเรื่องเขตแดน และ เป็นแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม"
อ้างอิง : kiripost
อ้างอิง : kiripost













