กรุงเทพฯ “เมืองอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งของโลก” ปี 2025
กรุงเทพฯ ครองบัลลังก์ “เมืองอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งของโลก” ปี 2025
ถ้าใครบอกว่า “สวรรค์ของนักกินอยู่บนโลกนี้จริง” คำตอบคงไม่ไกลเกินกรุงเทพฯ เพราะเมื่อเดือนกันยายน 2025 ที่ผ่านมา นิตยสาร Food & Wine ได้ประกาศผลการจัดอันดับ Global Tastemakers 2025: Top 10 International Cities for Food and Drinks และผลก็คือ กรุงเทพมหานคร (Bangkok) ของเราคว้า อันดับ 1 เมืองอาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุดในโลก ไปครอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ถูกยกย่องว่าเป็นเมืองแห่งการกินดื่ม แต่การจัดอันดับในปีนี้ทำให้ภาพชัดเจนขึ้นอีกว่า เราไม่ได้มีแค่ “ความหลากหลาย” ของอาหาร หากยังมีทั้งวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และวิถีชีวิตที่ถักทอรวมกันอยู่ในทุกจาน
Food & Wine บรรยายไว้ว่า กรุงเทพฯ คือเมืองที่ไม่ต้องออกแรงตามหาอาหารดี ๆ เพราะของอร่อยอยู่แทบทุกหัวมุมถนน ตั้งแต่ สตรีทฟู้ดราคาย่อมเยาแต่รสชาติจัดจ้าน ไปจนถึง สูตรอาหารไทยชาววังที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
ประโยคหนึ่งที่สะดุดใจคือ “ในเมืองนี้ ทุกคำคือเรื่องเล่า และคำว่าเสียใจแทบไม่มีอยู่ในเมนู” มันสะท้อนชัดเจนว่าการกินในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีไว้เพื่อตอบสนองความหิว แต่คือประสบการณ์ที่เติมเต็มหัวใจ
ผลโหวตนี้ไม่ได้เกิดจากความเห็นลอย ๆ แต่ผ่านกระบวนการจริงจัง Food & Wine ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจาก เชฟกว่า 400 คน นักเขียนท่องเที่ยว ผู้เชี่ยวชาญไวน์ และนักชิมระดับโลก แล้วส่งต่อให้บอร์ดที่ปรึกษาระดับโลกของนิตยสารและบรรณาธิการร่วมกันคัดเลือก
ดังนั้น การที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดให้อยู่ อันดับหนึ่ง หมายถึงเสียงยืนยันจากทั้งวงการอาหารและนักเดินทางทั่วโลก ไม่ใช่แค่การโปรโมตเพื่อการท่องเที่ยว และในลิสต์ปี 2025 นี้ โตเกียว ได้อันดับสอง ด้วยชื่อเสียงด้านความประณีตไร้ที่ติ ตั้งแต่ซูชิที่เปรียบเหมือนศาลเจ้า ไปจนถึงเมนูชิมรสหลายคอร์สที่ออกแบบเหมือนงานศิลป์ ส่วน เม็กซิโกซิตี้ อยู่ที่สาม โดดเด่นตรงที่นำ “รสชาติจากอดีต” มาผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างน่าทึ่ง
และนี่คือ Top 10 เมืองอาหารและเครื่องดื่มโลก ปี 2025
-
กรุงเทพฯ (Bangkok)
-
โตเกียว (Tokyo)
-
เม็กซิโกซิตี้ (Mexico City)
-
บาร์เซโลนา (Barcelona)
-
ฮ่องกง (Hong Kong)
-
ลอนดอน (London)
-
ปารีส (Paris)
-
ลิมา (Lima)
-
โคเปนเฮเกน (Copenhagen)
-
เมลเบิร์น (Melbourne)
ในฐานะที่ถูกขนานนามว่า “ครัวของโลก” (Kitchen of the World) กรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่ความอร่อยที่คงอยู่ตามสูตรเก่า แต่ยังมีเชฟไทยและเชฟนานาชาติที่เข้ามาใช้วัตถุดิบท้องถิ่นผลักดันขอบเขตความคิดสร้างสรรค์
เราเห็นได้ตั้งแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือริมคลอง ไปจนถึงร้านอาหาร fine dining ที่คว้ามิชลินสตาร์ ทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นภูมิทัศน์การกินที่ทำให้กรุงเทพฯ แตกต่างจากเมืองอื่น ๆ และทำให้คำว่า “Big Mango” ไม่ใช่แค่ชื่อเล่น แต่คือเมืองหลวงแห่งรสชาติที่แท้จริง การจัดอันดับครั้งนี้ยังสะท้อนกระแส gastronomy tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงอาหารที่กำลังร้อนแรง คนเดินทางยุคใหม่ไม่ได้ต้องการเพียงแลนด์มาร์กสวย ๆ อีกต่อไป แต่พวกเขามองว่าอาหารคืออีกหนึ่งเหตุผลหลักที่จะเลือกจุดหมายปลายทาง
สำหรับกรุงเทพฯ การได้รางวัลครั้งนี้คือการตอกย้ำว่า อาหารไทยคือแลนด์มาร์กที่กินได้ ไม่แพ้พระบรมมหาราชวังหรือวัดอรุณฯ
สำหรับคนไทย ข่าวนี้ไม่ควรเป็นเพียงเรื่องน่ายินดีที่ผ่านหูไป แต่ควรเป็นแรงบันดาลใจให้เราหันกลับมามองอาหารบ้านตัวเองใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกงใกล้บ้าน, ข้าวเหนียวหมูปิ้งยามเช้า, หรือร้านอาหารไทยประยุกต์ที่เพิ่งเปิดใหม่ ทุกจานคือการสนับสนุนคนทำอาหารไทยและการสืบสานวัฒนธรรม
ดังนั้น แทนที่จะรอให้ต่างชาติบินมาชิม คนไทยเองต่างหากที่ควรออกไป “กิน” และเฉลิมฉลองความเป็นไทยที่อยู่ในทุกคำ และนิไม่ได้เป็นเพียง “เกียรติยศ” ที่แปะไว้ แต่เป็นการยืนยันว่าความอร่อยที่เรามีคือวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณที่คนทั้งโลกชื่นชม ทุกครั้งที่เรานั่งล้อมวงกินข้าว นั่นไม่ใช่แค่การอิ่มท้อง แต่มันคือการมีส่วนร่วมในความภูมิใจที่เชื่อมโยงเรากับผู้คนทั้งโลก
ที่มาข้อมูล:
-
Food & Wine, Global Tastemakers 2025: Top 10 International Cities for Food and Drinks
อ้างอิงจาก: Time Out Bangkok, 19 กันยายน 2025
Food & Wine, Global Tastemakers 2025: Top 10 International Cities for Food and Drinks

















