กระบะขนทุเรียนเสียหลักพลิกคว่ำตกร่องกลางถนน พ่อ ลูกวัย 5 ขวบดับ เจ็บสาหัสอีก 3
กระบะขนทุเรียนเสียหลักพลิกคว่ำตกร่องกล
างถนน พ่อ ลูกวัย 5 ขวบดับ เจ็บสาหัสอีก 3
เมื่อเวลา 11.40 น.วันที่ 19 กันยายน 2568 พ.ต.ท.ศุภวิทย์ ไชยประพันธ์ สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุรถกระบะเสียหลักพลิกคว่ำตกร่องกลางถนนสายเอเชีย 41 ขาล่อง หมู่ 7 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช มีผู้บาดเจ็บสาหัสติดคาซากรถ 5 ราย จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิใต้เต๊กตึ้ง และกู้ภัยต่างๆ อำเภอทุ่งใหญ่ รีบรุดไปตรวจสอบช่วยเหลือ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีบรอนซ์เทา ทะเบียนจังหวัดกระบี่ สภาพเสียหลักพลิกคว่ำตกร่องกลาง ตัวรถพังยับทั้งคัน ทุเรียนท้ายบรรทุกเทกระจายเกลื่อน ตรวจสอบในห้องโดยสารพบคนเจ็บติดอยู่รวม 5 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเร่งใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดซากรนำร่างคนเจ็บทั้ง 5 ออกจากซากรถอย่างเร่งด่วน นำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งใหญ่ สอบสวนทราบคนเจ็บทั้ง 5 ราย รายแรก เป็นผู้หญิง ชื่อเล่น เบียร์ ( ไม่ทราบชื่อจริง – นามสกุล ) รายที่ 2 นายพงษ์ศิริ อายุ 35 ปี รายที่ 3 ด.ช.ภาสกร อายุ 5 ปี รายที่ 4.น.ส.ปวีณ์นุช และรายที่ 5.ด.ญ.พิมพิศา ผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คน เป็นครอบครัวเดียวกัน ในเวลาต่อมานายพงษ์ศิริ อายุ 35 ปี และ ด.ช.ภาสกร อายุ 5 ปี พ่อลูก ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอีก 3 คน ยังอาการสาหัส แพทย์อยู่ระหว่างช่วยเหลืออย่างเต็มที่
สอบสวนของตำรวจเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายพงษ์ศิริ พร้อมครอบครัว และญาติรวม 5 คน ขับรถกระบะกลับจากซื้อทุเรียนใน จ.ชุมพร ก่อนจะขับรถกลับบ้าน ใน อ.ขนอม โดยขับมาบนถนนสายเอเชีย 41 เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถเสียหลักพลิกพุ่ตกร่องกลางถนนแล้วพลิกหลายตลบ รถเสียหายทั้งคัน มีคนบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และเสียชีวิต 2 ราย เป็นพ่อลูก ส่วนสาเหตุคาดว่าคนขับอาจหลับใน เพราะช่วงเกิดเหตุมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ว่า คนขับรถคันเกิดเหตุไม่มีการเบรก แต่พุ่งตกร่องแล้วพลิกตลบหลายตลบ ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ตำรวจจะตรวจสอบกล้องหน้ารถให้แน่ชัดอีกครั้ง
ด้านนางสุภัทรา ศิริสมบัติ เจ้าหน้าที่กู้ภัยใต้เต็กตึ๊ง ทุ่งใหญ่ เผยด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ทุกครั้งที่ช่วยชีวิตเด็กแล้วไม่สามารถยื้อไว้ได้ มันเจ็บปวดมาก เด็กวัย 5 ขวบ หน้าตาน่ารัก อ้วนจ้ำม่ำ ต้องมาเสียชีวิต เพราะอุบัติเหตุ มันสะเทือนใจที่สุด เธอยังฝากเตือนผู้ปกครองว่า“เวลาพาเด็กไปไหนมาไหน ขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องเร็วเกินไป เน้นความปลอดภัย เพราะในรถคือคนที่เรารัก ขอให้รักและห่วงใยเขามากพอที่จะขับอย่างมีสติ”



















