ขนลุก! เรื่องเล่าอ.เบียร์ เผย “สีกาตา” ใกล้ชิดหลวงพ่อคึกฤทธิ์ วัดดัง ดราม่าเงินบริจาค
เปิดมุมจริง! อาจารย์เบียร์ ชี้คลิป “สีกาตา-พระคึกฤทธิ์” ถูกตัดต่อเกินจริง ปมใกล้ชิดที่หลายคนเข้าใจผิด
ประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง สำหรับกรณีภาพและคลิปที่แสดงให้เห็นความใกล้ชิดระหว่าง พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล แห่งวัดนาป่าพง และสีกาที่หลายสื่อระบุว่าเป็นสีกาเยอรมัน ซึ่งสร้างความสงสัยและคำถามให้กับสาธารณชนจำนวนมาก
โดยล่าสุด วันที่ 16 กันยายน 2568 ในรายการ โหนกระแส ได้มีการเชิญ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรมชื่อดัง มาชี้แจงเหตุการณ์และอธิบายที่มาของคลิปดังกล่าว พร้อมไขข้อข้องใจว่าท่าทีสนิทสนมที่เห็นกันในคลิปนั้น เป็นเพียงภาพที่ถูกตีความไปในทางชู้สาวหรือไม่
ภาพคลิปมุมกว้าง vs มุมแคบ: อะไรคือความจริง
อาจารย์เบียร์ได้เปิดเผยว่า คลิปที่ถูกแชร์ในโซเชียลมีเดียหลายคลิปนั้น ถูกตัดครอปภาพให้มุมแคบลง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้ชม โดยเฉพาะคลิปที่แสดงภาพพระคึกฤทธิ์และสีกาเพียงสองต่อสอง
“ถ้าสังเกตคลิปมุมกว้าง จะเห็นว่าภายในร้านนั้นมีบุคคลอื่นอยู่ด้วย เป็นการเข้าไปนั่งในร้านของฝากที่สนามบิน ไม่ใช่ร้านจิวเวลรีหรูตามที่หลายคนเข้าใจ” อาจารย์เบียร์กล่าว
การแชร์คลิปมุมแคบพร้อมเสียงประกอบหรือมิวสิกประกอบ ยิ่งสร้างอารมณ์และตีความให้คนคิดว่ามี ความสัมพันธ์เกินกว่าลูกศิษย์-พระสงฆ์ ขณะที่ความจริงแล้วเป็นการเดินทางของคณะพระและผู้ติดตามหลายคน
จุดยืนของอาจารย์เบียร์: ความใกล้ชิดไม่ถึงขั้นผิดวินัยสงฆ์
อาจารย์เบียร์ย้ำว่า แม้ว่าภาพและคลิปอาจมีท่าทีใกล้ชิดของสีกากับพระคึกฤทธิ์ แต่ ไม่ถึงขั้นสังฆาทิเสส และยังอยู่ในข่ายที่เรียกว่า โลกติเตียน-โลกวัชชะ ซึ่งหมายถึงเรื่องที่สาธารณชนสามารถติเตียนได้ แต่ยังไม่เข้าข่ายผิดทางคณะสงฆ์โดยตรง
“แม้ว่าสีกาอาจแสดงกิริยาใกล้ชิดกับพระมากเกินไป แต่ไม่มีการสัมผัสร่างกายหรือกระทำที่ผิดกฎหมายสงฆ์” อาจารย์เบียร์กล่าวเพิ่มเติม
สีกาตาเยอรมัน: เบื้องหลังการเป็นโยมอุปัฏฐาก
สำหรับสีกาที่ถูกกล่าวถึงว่าใกล้ชิดกับพระคึกฤทธิ์นั้น อาจารย์เบียร์ได้เล่าถึง ที่มาที่ไป ของการเข้ามามีบทบาทในวัด โดยระบุว่า วัดนาป่าพงมีโยมอุปัฏฐากหลายคน ทั้งคนดัง นักข่าว นักร้อง นักแสดง ซึ่งแต่ละคนเคยเข้ามาช่วยดูแลวัด แต่หลายคนก็มีปัญหากับการบริหารจัดการเงินบริจาค
“มีศิษย์บางคนที่เข้ามาตั้งตัวใหญ่โตในวัด เทศนาสอนคน เรียกรับเงินบริจาคกันเอง เงินไม่เข้าวัด ทางวัดจึงต้องหาทางแก้ไขปัญหา” อาจารย์เบียร์กล่าว
ในบริบทนี้ การโปรโมตสีกาตาที่เป็น โยมอุปัฏฐากจริง จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้ผู้คนในวัดหันมาสนใจและนำเงินบริจาคมาเข้าวัด แทนที่จะรั่วไหลไปที่อื่น
การโปรโมตเกินงาม: ต้นเหตุคำติ
อาจารย์เบียร์มองว่าการโปรโมตสีกาตามที่ปรากฏในสื่อและคลิปต่าง ๆ เกินความจำเป็น จนกลายเป็นเรื่องที่ถูกติชมในสังคม ซึ่งบางครั้งผู้คนที่อยู่ในวัดอาจมองเป็น อิจฉาริษยา หรือรู้สึกไม่สบายใจที่สีกาได้รับความสนใจมากเกินไป
“จริง ๆ แล้วคนในวัดเตือนกันเอง แต่กลายเป็นถูกมองว่าอิจฉา ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องการจัดการภายในวัดและการป้องกันเงินบริจาคไม่รั่วไหล” อาจารย์เบียร์อธิบาย
คลิปที่ถูกแชร์: การตัดต่อสร้างความเข้าใจผิด
ในช่วงรายการ อาจารย์เบียร์ได้เปิด คลิปมุมกว้าง ให้ผู้ชมเห็นบริบทจริงว่า พระคึกฤทธิ์และสีกาไม่ได้อยู่เพียงสองต่อสอง แต่มีคณะผู้ติดตามหลายคนอยู่รอบ ๆ ภายในร้าน นอกจากนี้คลิปต้นฉบับยังแสดงให้เห็นว่า เป็นเพียงการ แวะซื้อของฝากที่สนามบิน ไม่ใช่การช้อปปิ้งส่วนตัวหรือเดินเลือกเครื่องประดับหรู
การนำคลิปมุมแคบมาแชร์พร้อมเสียงเพลงประกอบ จึงทำให้หลายคนตีความว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกินงาม ซึ่งเป็น ความเข้าใจผิดที่ถูกสังคมหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกัน
สื่อสังคมออนไลน์ vs ความจริง
หลังคลิปถูกเผยแพร่บนโซเชียล มีทั้งฝ่ายที่เห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสม และฝ่ายที่เห็นว่าเป็น การถูกตัดต่อและตีความผิด
อาจารย์เบียร์ให้ความเห็นว่า การแชร์คลิปเช่นนี้มีผลกระทบต่อ ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ และทำให้สาธารณชนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการปฏิบัติตัวของสีกาและพระคึกฤทธิ์
นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นปัญหา การบริหารจัดการเงินบริจาคภายในวัด ที่ต้องมีการโปรโมตบุคคลบางคนเพื่อควบคุมการไหลของเงินให้เข้าวัดตามวัตถุประสงค์
อาจารย์เบียร์เน้นย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่อง โลกติเตียน-โลกวัชชะ ซึ่งสามารถเป็นบทเรียนให้กับสาธารณชนในการ แยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงกับความเข้าใจผิดจากสื่อ
“เราควรสังเกตบริบททั้งหมดก่อนตัดสิน บางครั้งสิ่งที่เห็นในคลิปสั้น ๆ อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด” เขากล่าว พร้อมย้ำว่า การตัดต่อและครอปภาพเพียงบางมุมสามารถสร้าง อารมณ์และความเข้าใจผิดได้ง่าย
บทสรุป: การใกล้ชิดหรือความเข้าใจผิด?
กรณีของ สีกาตาและพระคึกฤทธิ์ แสดงให้เห็นความซับซ้อนของ โลกโซเชียลและการตัดต่อภาพ/คลิป ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องราวที่แท้จริง
การนำเสนอข่าวสารและคลิปที่ถูกต้องตามบริบทสำคัญต่อ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์และวัด
อาจารย์เบียร์สรุปว่า แม้ภาพและคลิปอาจมีท่าทีใกล้ชิด แต่เมื่อพิจารณาบริบททั้งหมดแล้ว ยังไม่ถึงขั้น ผิดวินัยสงฆ์หรือผิดกฎหมาย เพียงแต่เป็นเรื่องที่สังคมสามารถ ติเตียนหรือแสดงความคิดเห็น ได้
สุดท้ายแล้ว การสังเกตข้อเท็จจริงและการไม่ตัดสินใจจากมุมมองเพียงบางส่วน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและการเผยแพร่ข่าวที่บิดเบือน




















