“อุ๊งอิ้งค์” เผยโมเมนต์เยี่ยมพ่อผ่านกระจก ย้ำสุขภาพยังแข็งแรง จิตใจสู้ไม่ถอย

แพทองธาร อัปเดตเยี่ยมทักษิณหลังครบกำหนดกักโรค เผยสุขภาพแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง แม้เจอเพียงผ่านกระจก

สถานการณ์การเมืองไทยกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อครอบครัวชินวัตร นำโดย คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พร้อมด้วยบุตรสาวทั้งสองคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ได้เดินทางมายัง เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นครั้งแรก หลังจากครบกำหนดกักโรค 5 วัน ตามมาตรการด้านสาธารณสุขของกรมราชทัณฑ์

บรรยากาศการเข้าเยี่ยมครั้งนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังจากสื่อมวลชนและประชาชนที่จับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการกลับมาของนายทักษิณหลังจากใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศไทยนานถึง 17 ปี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลทั้งในแง่การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

 

เยี่ยมผ่านกระจก 30 นาที แม้ไม่ได้สัมผัสแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น

นางสาวแพทองธารให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าเยี่ยมว่า ตนและครอบครัวได้พบกับคุณพ่อแล้ว โดยการเยี่ยมเป็นไปตามขั้นตอนของเรือนจำ ซึ่งกำหนดให้เป็น การเยี่ยมผ่านกระจก ไม่สามารถสัมผัสหรือกอดกันได้

 “ได้พูดคุยกันประมาณ 30 นาทีค่ะ แม้จะไม่ได้สัมผัสแต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก คุณพ่อจิตใจเข้มแข็ง สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี เพียงแค่มีเรื่องความดันขึ้น ๆ ลง ๆ บ้าง แต่ถือว่ามีกำลังใจเต็มเปี่ยม” — แพทองธาร กล่าว

การพูดคุยในช่วงเวลาสั้น ๆ เต็มไปด้วยการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โดยบุตรสาวทั้งสองได้เล่าถึงบรรยากาศภายนอก และบอกว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ส่งกำลังใจให้กับนายทักษิณ ซึ่งเจ้าตัวก็ฝากขอบคุณทุกข้อความสนับสนุนที่ได้รับ

 

ความรู้สึกหลังห่างกันกว่า 17 ปี

สิ่งที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุดคือการที่ครอบครัวชินวัตรต้องห่างกันนานถึง 17 ปี กว่าที่จะได้กลับมาเจอกัน แม้ครั้งนี้จะเป็นการเจอเพียงผ่านกระจก แต่ก็ถือว่าเป็นการเติมเต็มความรู้สึกคิดถึงที่สั่งสมมายาวนาน

แพทองธารเล่าด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่า

 “หลายปีก่อนที่พ่อแม่ไม่ได้เจอกันก็ประมาณ 17 ปี รอบนี้ก็มาเจอผ่านกระจก แม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตครอบครัวเรามีหลายรสชาติจริง ๆ”

คำพูดนี้สะท้อนถึงความผูกพันในครอบครัวที่ไม่เคยเลือนหายไป แม้จะผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยการพลัดพรากและอุปสรรคทางการเมืองก็ตาม

 

สุขภาพ: ร่างกายมีเงื่อนไข แต่ใจแข็งแรง

แม้จะมีอายุเกินกว่า 70 ปีแล้ว แต่นายทักษิณยังคงมีกำลังใจดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังได้รับการสนับสนุนจากทั้งครอบครัวและประชาชน อย่างไรก็ตาม ด้านสุขภาพยังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น ภาวะความดันโลหิตที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในผู้สูงอายุ

แพทองธารยอมรับว่า ความเครียดย่อมมีอยู่แน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เธอโล่งใจคือ จิตใจของคุณพ่อแข็งแรงมาก และพร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ

 

แผนการใช้ชีวิตในเรือนจำและบทบาทใหม่ที่เป็นไปได้

มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า นายทักษิณอาจจะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยสอนภาษาอังกฤษแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ เนื่องจากมีความรู้และประสบการณ์มากมาย อย่างไรก็ตาม แพทองธารเปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากคุณพ่อเพิ่งพ้นการกักโรค จึงยังไม่มีการวางแผนแน่ชัด

เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า คุณพ่อเป็นคนที่ชอบการเรียนรู้และการถ่ายทอดความรู้ ดังนั้น หากมีโอกาสจริงก็คงไม่ปฏิเสธที่จะช่วยสอนหรือแบ่งปันประสบการณ์ด้านต่าง ๆ ให้กับผู้อื่น

 

การดูแลภายในเรือนจำ

ด้าน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทางเรือนจำกลางคลองเปรมได้จัดให้นายทักษิณอยู่ใน “แดนพยาบาล” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รวมผู้ต้องขังสูงอายุและผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ยังมีการปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพเป็นประจำ การจัดอาหารที่เหมาะสม ไปจนถึงการตัดผมตามระเบียบ

 

มิติทางการเมืองที่สังคมจับตามอง

แม้การเยี่ยมในครั้งนี้จะเป็นเรื่องของครอบครัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรณีทักษิณ เป็นประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากเขาคืออดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองสูง และเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งปัจจุบันมีบุตรสาวอย่างแพทองธารก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค

สังคมไทยและสื่อต่างประเทศจึงต่างจับตาว่า การกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้ จะส่งผลต่อทิศทางการเมืองในอนาคตอย่างไรบ้าง

 

นอกจากการเคลื่อนไหวของครอบครัวแล้ว สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้คือ กำลังใจจากประชาชน ที่ยังคงหลั่งไหลมาถึงนายทักษิณ ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และการเดินทางไปยังบริเวณเรือนจำ บางส่วนมองว่าเขาคือผู้นำที่ทำงานหนักเพื่อประเทศ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังคงวิพากษ์วิจารณ์ถึงคดีความและข้อกล่าวหาที่ติดตัว

สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทย และทำให้นายทักษิณยังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกและความคิดเห็นของประชาชน

 

ครอบครัวชินวัตร: สัญลักษณ์แห่งความผูกพันท่ามกลางความท้าทาย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนประทับใจคือภาพความผูกพันในครอบครัวชินวัตร แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากและการพลัดพรากยาวนาน แต่ความรักและกำลังใจจากบุตรสาวและภรรยายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ภาพของคุณหญิงพจมานที่เดินทางมาพร้อมบุตรสาวทั้งสอง แสดงถึงความเข้มแข็งของครอบครัวที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างกันในทุกสถานการณ์

สรุป: การกลับมาที่ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัว แต่สะเทือนถึงการเมืองไทย

การที่ แพทองธาร ชินวัตร และครอบครัวได้เข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร ภายในเรือนจำหลังครบกำหนดกักโรค 5 วัน ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ในครอบครัวธรรมดา แต่เป็นเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญต่อการเมืองไทยในภาพรวม

แม้จะได้พบกันเพียง 30 นาที ผ่านกระจกกั้น แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและกำลังใจที่ครอบครัวมีให้กัน แพทองธารยืนยันว่า สุขภาพของคุณพ่อแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง และพร้อมจะใช้ชีวิตต่อไปภายใต้กรอบกฎหมายและระเบียบของเรือนจำ

ในขณะที่สังคมยังคงถกเถียงกันถึงบทบาทและอนาคตของนายทักษิณ ความจริงที่ชัดเจนคือ เขายังคงเป็นบุคคลสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม ทั้งในฐานะอดีตผู้นำ ครอบครัวชินวัตร และสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ทางการเมือง