แพรรี่ ไพรวัลย์ ลั่น! วันนี้เหลือแค่ “พระพยอม” ที่ฝากศรัทธาได้
แพรรี่ ไพรวัลย์ ประกาศศรัทธา “พระพยอม กัลยาโณ” เหลือเพียงองค์เดียวที่มั่นใจเต็มร้อย ท่ามกลางข่าวฉาววงการสงฆ์
วันที่ 15 กันยายน 2568 โลกออนไลน์ร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อ แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังที่ผันตัวมาเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจและอินฟลูเอนเซอร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า หากพูดถึงพระสงฆ์ที่ยังคงเคารพศรัทธาได้อย่างเต็มร้อยสำหรับตนเองในปัจจุบันนั้น เหลือเพียงองค์เดียว คือ พระราชธรรมนิเทศ หรือ “พระพยอม กัลยาโณ” เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี
โพสต์ดังกล่าวของแพรรี่ไม่เพียงสร้างกระแสในโลกออนไลน์ แต่ยังสะท้อนความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อย ที่กำลังเผชิญความสับสนต่อภาพลักษณ์ของวงการสงฆ์ในช่วงเวลาที่ข่าวอื้อฉาวปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง การประกาศยืนยันความเลื่อมใสต่อพระพยอมครั้งนี้ จึงได้รับเสียงสนับสนุนและการเห็นด้วยจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก
แพรรี่ได้โพสต์ภาพเก่าของตนเองในช่วงที่ยังครองสมณเพศ ถ่ายคู่กับพระพยอม พร้อมข้อความว่า
“เปิดประวัติใครก็เปิดไป แต่อย่าเปิดประวัติพระพยอมนะคะ รูปนี้ดิฉันเคารพศรัทธาของดิฉันมาก หากพูดถึงความนับถือในตัวบุคคล ปัจจุบันเหลือเพียงหลวงพ่อพยอมเท่านั้น ที่ตนยังคงมั่นใจและสามารถฝากความศรัทธาเอาไว้ได้อย่างเต็มที่”
ข้อความดังกล่าวแสดงถึงความเคารพส่วนตัวที่แพรรี่มีต่อพระพยอม โดยใช้ถ้อยคำชัดเจนว่าท่านคือ “องค์สุดท้ายที่ไว้ใจได้” สะท้อนถึงความมั่นคงในศรัทธา แม้จะเคยวิพากษ์วิจารณ์วงการสงฆ์ในหลายแง่มุม
กระแสตอบรับจากชาวเน็ต
โพสต์นี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีผู้เข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน หลายคนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเคยฟังเทศน์ของพระพยอมแล้วรู้สึกประทับใจ เพราะท่านใช้ภาษาธรรมะที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และยังแฝงด้วยอารมณ์ขัน ทำให้ผู้ฟังไม่เบื่อ
บางคนบอกว่า เคยได้รับความเมตตาจากท่านโดยตรง ทั้งการช่วยเหลือด้านสังคมและการให้กำลังใจ หลายความเห็นสะท้อนว่า หากพระพยอมไม่น่าเลื่อมใส พวกเขาคงเลิกนับถือพระสงฆ์ไปแล้ว และจะเหลือเพียงการนับถือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ชาวเน็ตจำนวนมากยังมองว่าพระพยอมเป็น “ตัวแทนความดีงามในวงการสงฆ์” ที่ยังยืนหยัดอยู่ในสังคม ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวที่บั่นทอนศรัทธาของผู้คน
ประวัติและเส้นทางของพระพยอม กัลยาโณ
พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) มีชื่อเดิมว่า พยอม จั่นเพชร เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2492 ที่อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อชื่อ นายเปล่ง จั่นเพชร แม่ชื่อ นางสำเภา จั่นเพชร
ชีวิตวัยเด็กของท่านเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องหยุดเรียนเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินส่งเรียนต่อ ก่อนหันมาช่วยงานที่บ้าน ทั้งการรับจ้างทำสวน ขึ้นต้นหมาก ต้นมะพร้าว และงานเกษตรกรรมอื่น ๆ เพื่อพยุงครอบครัว
บรรพชาเป็นสามเณร: เดือนเมษายน พ.ศ. 2502 ขณะอายุ 10 ขวบ
อุปสมบทเป็นพระภิกษุ: วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2513 ที่วัดสังวรพิมลไพบูลย์ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
สำเร็จการศึกษานักธรรมชั้นเอก และเริ่มต้นเส้นทางพระนักพัฒนาและนักเทศน์ตั้งแต่นั้นมา
การพัฒนาวัดสวนแก้ว
วัดสวนแก้วซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกว้างขวาง เดิมชื่อ “วัดแก้ว” เป็นวัดร้างมากว่า 80 ปี จนกระทั่งพระพยอมและคณะภิกษุ 3–4 รูป เข้ามาปักหลักในพื้นที่วัดที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้
พระพยอมได้รับมอบหมายให้ดูแลวัดแก้วในปี พ.ศ. 2522 หลังจากจัดโครงการบวชเณรภาคฤดูร้อน และเริ่มลงมือพัฒนา เปลี่ยนชื่อวัดแก้วเป็น “วัดสวนแก้ว” พร้อมสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมและทำให้วัดกลายเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชนทั่วไป
จนถึงวันนี้ วัดสวนแก้วไม่ได้เป็นเพียงวัด แต่ยังเป็นพื้นที่ทำประโยชน์ต่อสังคม ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น มูลนิธิสวนแก้ว และกิจกรรมช่วยเหลือผู้ยากไร้ในหลายรูปแบบ
พระนักเทศน์ที่คนไทยรู้จัก
พระพยอมเป็นที่จดจำของประชาชนในฐานะพระนักเทศน์ที่ใช้ภาษาเข้าใจง่าย แฝงอารมณ์ขัน ตรงไปตรงมา และจับใจคนฟัง ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไปหรือนักเรียน นักศึกษา
คำเทศน์ของท่านมักสะท้อนปัญหาสังคมในเชิงวิพากษ์ แต่ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป ทำให้หลายคนรู้สึกว่า “การฟังธรรมะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป” หลายเทศนาของท่านถูกนำไปเผยแพร่ซ้ำในสื่อออนไลน์ และยังคงได้รับความนิยม
พระนักพัฒนาและนักสังคมสงเคราะห์
นอกจากบทบาทการเทศน์ พระพยอมยังเป็นพระนักพัฒนาและนักสังคมสงเคราะห์ที่มีชื่อเสียง โครงการที่ท่านริเริ่ม เช่น
มูลนิธิสวนแก้ว เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และสร้างโอกาสให้คนด้อยโอกาส
การพัฒนาวัดสวนแก้วให้เป็นศูนย์กลางด้านศาสนาและสังคม
กิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การดูแลเด็ก การช่วยเหลือเกษตรกร และการสนับสนุนผู้ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ
ทั้งหมดนี้ทำให้พระพยอมเป็นหนึ่งในพระสงฆ์ที่ยังคงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
ความศรัทธาท่ามกลางวิกฤตศาสนา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข่าวฉาวในวงการสงฆ์ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนบางส่วนหมดศรัทธาในพระสงฆ์ แต่กรณีของพระพยอมกลับเป็นข้อยกเว้น
การที่แพรรี่ ไพรวัลย์ ออกมาประกาศศรัทธาต่อพระพยอม จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะท่านมีผลงานที่พิสูจน์ได้จริง และมีภาพลักษณ์ที่มั่นคงในสายตาของสาธารณชน
บทสรุป
คำประกาศศรัทธาของแพรรี่ ไพรวัลย์ ต่อ พระพยอม กัลยาโณ ไม่เพียงสะท้อนความเคารพส่วนบุคคล แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนของผู้คนจำนวนมากที่ยังคงเชื่อมั่นว่า ในวงการสงฆ์ไทยยังมีพระดี พระแท้ ที่ยืนหยัดทำงานเพื่อสังคมและศาสนา
พระพยอมในวันนี้จึงไม่ใช่เพียงเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความเข้าใจง่าย และการอุทิศตนเพื่อสังคม ขณะที่แพรรี่เองก็เป็นผู้ถ่ายทอดเสียงนี้ออกมาให้กว้างไกลยิ่งขึ้น




















