ไม่ธรรมดา! อ.เอ จักรพรรดิ ทุ่มเงินจ้างทนายตั้มแม้อยู่ในเรือนจำ เดือนละ 100,000
พีกไม่หยุด! ไขปม “อ.เอ จักรพรรดิ” ยังคงจ่ายค่าจ้างทนายตั้ม แม้อยู่ในเรือนจำ เดือนละแสน – หนุ่ม กรรชัย แนะล้างดวงตัวเองก่อน
ในโลกของวงการ “สายมู” ที่เต็มไปด้วยความเชื่อ ศรัทธา และการปฏิบัติพิธีกรรมต่าง ๆ มักจะมีบุคคลที่ก้าวขึ้นมามีชื่อเสียง และถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ “อ.เอ จักรพรรดิ” หรือที่หลายคนเคยรู้จักกันในชื่อ “เอ นีออน” อดีตพ่อค้าสบู่ออนไลน์ที่หันหลังให้ธุรกิจเดิมแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางของการเป็นอาจารย์สายมู
เหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ชื่อของ อ.เอ กลายเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง คือการที่เขาออกมาเปิดเผยว่า ตนเองเคยทำสัญญาว่าจ้างทนายความชื่อดังอย่าง ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในอัตราค่าจ้างสูงถึงเดือนละกว่า 100,000 บาท และแม้กระทั่งช่วงที่ทนายตั้มถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ อ.เอก็ยังคงจ่ายเงินตามสัญญาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน
เรื่องนี้ไม่เพียงสร้างเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์ แต่ยังกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกนำไปพูดคุยในรายการดัง “โหนกระแส” ที่มี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงหลากหลายด้าน ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ การว่าจ้าง และข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้เงินที่หลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า “จำเป็นจริงหรือ?”
จุดเริ่มต้นจาก “เอ นีออน” สู่อาจารย์สายมูชื่อดัง
ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักในชื่อ อ.เอ จักรพรรดิ เจ้าตัวเคยมีชื่อเสียงในฐานะนักขายออนไลน์ โดยเฉพาะสินค้าประเภทสบู่และผลิตภัณฑ์ความงาม เขามีสไตล์การขายที่จัดจ้าน เป็นเอกลักษณ์ และดึงดูดผู้ติดตามได้จำนวนมาก
ต่อมาเขาหันเหชีวิตเข้าสู่สายความเชื่อ โดยใช้ชื่อใหม่ว่า “อ.เอ จักรพรรดิ” พร้อมกับทำพิธีกรรมต่าง ๆ จนได้รับการยอมรับจากลูกศิษย์ลูกหามากมาย เส้นทางสายมูทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงทั้งในเชิงบวกและลบ บางคนศรัทธาอย่างแรงกล้า ขณะที่บางส่วนก็ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการทำพิธีและการใช้เงิน
ปมใหญ่: การว่าจ้าง “ทนายตั้ม” เดือนละแสน
หนึ่งในประเด็นที่ถูกเปิดเผยคือความสัมพันธ์ระหว่าง อ.เอ จักรพรรดิ และ ทนายตั้ม ษิทรา โดยเจ้าตัวเล่าว่า เมื่อครั้งที่ตนเองเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ใหม่ ๆ ยังไม่รู้จักใคร และยังไม่เข้าใจระบบทางกฎหมายมากนัก จึงมองหาที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และตัดสินใจเลือกทนายตั้ม เนื่องจากเป็นบุคคลมีชื่อเสียง
ตามการเปิดเผย อ.เอ ยอมรับว่า มีการทำสัญญาว่าจ้างกันจริง เป็นสัญญาระยะยาว 3 ปี และต้องจ่ายค่าจ้างรายเดือนประมาณ 100,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งในมุมของ อ.เอ เขามองว่าเป็นไปตามสัญญาที่เซ็นไว้ จึงต้องจ่ายตามที่กำหนด แม้ในช่วงเวลาที่ทนายตั้มถูกคุมขัง
เสียงสะท้อนจาก “ทนายสายหยุด”
ในรายการโหนกระแส มีการเชิญ ทนายสายหยุด มาร่วมพูดคุย ซึ่งทนายสายหยุดได้เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ตนเองทราบดีว่าออฟฟิศของทนายตั้มได้ปิดตัวไปแล้วหลังเจ้าตัวถูกคุมขัง และไม่มีใครทำงานให้ แต่ อ.เอ ยังคงจ่ายเงินเดือนละแสนให้อยู่หลายเดือน
ทนายสายหยุดกล่าวเสริมว่า สาเหตุที่ อ.เอ ยังคงโอนเงินต่อเนื่อง เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่มีที่ปรึกษา ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาใคร และในฐานะที่มีสัญญากันไว้ จึงเลือกที่จะทำตามข้อผูกพัน
หนุ่ม กรรชัย แนะตรง ๆ : “ล้างดวงตัวเองก่อน”
ในประเด็นนี้ หนุ่ม กรรชัย ผู้ดำเนินรายการ ได้ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ก่อนที่อาจารย์จะไปล้างดวงให้ใคร ควรล้างดวงตัวเองก่อน เพราะที่ผ่านมาจ่ายเงินฟรี ๆ ไปหลายเดือน”
คำพูดดังกล่าวกลายเป็นที่ฮือฮาและถูกแชร์อย่างมากในโลกออนไลน์ หลายคนเห็นด้วยกับหนุ่ม กรรชัยว่า อ.เอ ควรพิจารณาให้รอบคอบกว่านี้ เพราะการจ่ายเงินทั้ง ๆ ที่ไม่มีการทำงานใด ๆ กลับมา ถือเป็นการสูญเสียโดยใช่เหตุ
คำชี้แจงของ อ.เอ: “เราแค่ทำตามสัญญา”
ด้าน อ.เอ จักรพรรดิ ชี้แจงว่า เรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่ตนเองยึดถือสัญญาเป็นหลัก เมื่อมีการตกลงกันว่าจะว่าจ้างเป็นรายปีและรายเดือน ตนก็ต้องทำตาม ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น และยอมรับว่าอาจจะเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม
กรณีนี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น
1. เรื่องความเหมาะสมในการใช้เงิน
การจ่ายเงินค่าจ้างทนายสูงถึงเดือนละแสน แม้ในช่วงที่ทนายไม่สามารถทำงานได้ สังคมตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่
2. ความโปร่งใสของสัญญา
หลายคนอยากรู้ว่ามีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ และข้อกำหนดในสัญญามีรายละเอียดอย่างไร
3. ภาพลักษณ์ของอาจารย์สายมู
ในฐานะที่ อ.เอ มีลูกศิษย์และผู้ศรัทธามากมาย การตัดสินใจทางการเงินของเขาถูกนำมาเป็นตัวอย่างที่หลายคนวิจารณ์
เรื่องราวนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงการใช้เงินและการทำสัญญาทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่าง “ศรัทธา ความเชื่อ และการจัดการชีวิต”
ในเชิงกฎหมาย: ผู้ว่าจ้างควรตรวจสอบสัญญาอย่างรอบคอบ และหากอีกฝ่ายไม่สามารถทำงานได้จริง ควรมีทางออกหรือข้อยกเว้น ไม่ใช่จ่ายไปเรื่อย ๆ
ในเชิงศรัทธา: สำหรับผู้ที่ศรัทธาในสายมู เรื่องนี้อาจเป็นเครื่องเตือนใจว่าแม้แต่ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า “ล้างดวง” ได้ ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาส่วนตัว
ในเชิงสังคม: กรณีนี้ยังเป็นตัวอย่างของการที่บุคคลสาธารณะต้องถูกตรวจสอบ และการกระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมากย่อมเป็นที่สนใจของสังคม
สรุป
เรื่องราวของ อ.เอ จักรพรรดิ ที่ยังคงจ่ายค่าจ้างให้ ทนายตั้ม แม้ในช่วงที่อยู่ในเรือนจำ เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของการใช้ชีวิตในสายความเชื่อและกฎหมาย
แม้เจ้าตัวจะชี้แจงว่าเป็นเพียงการทำตามสัญญา แต่หลายคนก็ยังอดตั้งคำถามถึงความเหมาะสมไม่ได้ และที่สำคัญ คำพูดของ หนุ่ม กรรชัย ที่ว่า “ควรล้างดวงตัวเองก่อน” ก็กลายเป็นวลีเด็ดที่สะท้อนให้เห็นว่า ก่อนจะสอนหรือช่วยเหลือใคร เราควรกลับมามองตนเองและตรวจสอบชีวิตของตัวเองให้มั่นคงเสียก่อน














