ระทึก! การบินไทยทะยานขึ้นกลางจลาจลเนปาล ยอดดับพุ่ง 22 ศพ
ประท้วงเนปาลบานปลาย: การบินไทยอพยพผู้โดยสารหลังความรุนแรงทางสังคม สถานการณ์ล่าสุดยอดเสียชีวิต 22 ราย
ประเทศเนปาลกำลังเผชิญกับ วิกฤตความรุนแรงทางสังคม ครั้งใหญ่ หลังกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือ Gen Z ออกมาประท้วงรัฐบาลเนื่องจากการปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียและปัญหาการคอรัปชันที่สะสมมายาวนาน เหตุการณ์ครั้งนี้บานปลายจนทำให้เกิดความสูญเสียอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตแล้วรวมทั้งสิ้น 22 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 400 คน
สาเหตุของการประท้วง: เสรีภาพและความไม่พอใจต่อรัฐบาล
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 รัฐบาลเนปาลประกาศ ปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หลายแห่ง โดยอ้างเหตุผลว่าผู้ให้บริการเหล่านี้ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนรู้สึก ถูกจำกัดเสรีภาพ ในการสื่อสารและแสดงออก
นอกจากนี้ยังมีปัญหา การคอรัปชันในประเทศ ที่สะสมมาหลายปี ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความไม่พอใจและความเครียดในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มักใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการติดตามข่าวสารและแสดงออกทางความคิดเห็น
การปิดกั้นโซเชียลมีเดียจึงเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิด การประท้วงขนาดใหญ่ บริเวณรัฐสภาและสถานที่ราชการหลายแห่งในกรุงกาฐมาณฑุ
การประท้วงบานปลายและความรุนแรง
จากรายงานของสื่อท้องถิ่นและสากล ระบุว่า การชุมนุมเริ่มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดความรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ใช้ แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ในการสลายการชุมนุม บางครั้งมีการใช้กำลังเข้ากับผู้ประท้วงที่บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงลาออกหลายราย
เค พี ซาร์มา โอลี (K P Sharma Oli) นายกรัฐมนตรีเนปาล
รัฐมนตรีอีก 3 ราย ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
นอกจากนี้รัฐบาลยังยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย แต่ความรุนแรงของเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สะเทือนใจคือ รายงานการเผาสถานที่ราชการและสภา รวมถึงเหตุการณ์รุนแรงกับบุคคลสำคัญ เช่น
ราบิ ลักษมี จิตรการ ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีเมืองดาลสุ ถูกผู้ชุมนุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในภาพรวม มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย และ บาดเจ็บมากกว่า 400 คน ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่สะเทือนใจทั้งประชาชนและนักลงทุนต่างชาติ
ผลกระทบต่อการบิน: การอพยพของสายการบินไทย
ในสถานการณ์ความไม่สงบนี้ เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force เผยแพร่คลิปของเครื่องบินของ การบินไทย (Thai Airways) กำลังเดินทางออกจากสนามบินนานาชาติตริภูวัน (Tribhuvan International Airport – KTM) ในกรุงกาฐมาณฑุ โดยระบุว่าเป็น เที่ยวบิน TG320 ของเครื่องบิน Boeing 777-207(ER) ทะเบียน HS-TJW
ก่อนหน้านี้ การบินไทยได้แจ้ง ยกเลิกเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ – กาฐมาณฑุ ในวันที่ 9 กันยายน 2568 เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือ โดยระบุเที่ยวบินดังนี้
TG309 กรุงเทพฯ – กาฐมาณฑุ ออกเวลา 20.20 น. ถึง 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น
TG310 กาฐมาณฑุ – กรุงเทพฯ ออกเวลา 23.30 น. ถึง 04.15 น. ของวันถัดไป
สายการบินยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแนะนำให้ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบสามารถ ขอคืนเงินหรือเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน ผ่านช่องทางของสายการบิน
สนามบินตริภูวันปิดฉุกเฉิน: ส่งผลต่อเที่ยวบินกว่า 250 เที่ยว
เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นอยู่ห่างจากสนามบินเพียง ไม่ถึง 1 กิโลเมตร ส่งผลให้ ท่าอากาศยานนานาชาติตริภูวัน (TIA) ประกาศ ปิดให้บริการกะทันหัน ส่งผลให้เที่ยวบินกว่า 250 เที่ยวบินถูกยกเลิกหรือหยุดชะงัก ผู้โดยสารหลายร้อยคนติดค้างอยู่ภายในสนามบินโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล
เหตุการณ์นี้สร้างความวิตกกังวลให้กับสายการบินทุกแห่ง โดยเฉพาะสายการบินระหว่างประเทศที่ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย
ความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือ: มาตรการสายการบิน
สายการบินต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารและลูกเรือได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยมีมาตรการหลักดังนี้
1. ติดตามสถานการณ์รายชั่วโมง และประเมินความเสี่ยงก่อนการบิน
2. อพยพผู้โดยสารออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยใช้เที่ยวบินสำรองหรือตารางบินใหม่
3. ให้คำแนะนำและความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสาร ทั้งด้านการคืนเงินและการเปลี่ยนเที่ยวบิน
4. ประสานงานกับสถานทูตและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ติดค้าง
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
เหตุการณ์ประท้วงรุนแรงและการปิดสนามบินส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเนปาล อย่างมีนัยสำคัญ
การท่องเที่ยวชะลอตัว เนื่องจากนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศหลีกเลี่ยงเดินทางเข้าสู่กรุงกาฐมาณฑุ
ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการขนส่ง ได้รับผลกระทบทันทีจากการยกเลิกเที่ยวบิน
ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ลดลง เนื่องจากเห็นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงและความไม่มั่นคงทางการเมือง
การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องใช้ทั้ง มาตรการด้านความปลอดภัย, การคืนความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักลงทุน, และ การประสานงานกับสายการบินระหว่างประเทศ
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงในอุตสาหกรรมการบิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกิดความไม่สงบทางการเมือง
1. การเตรียมแผนอพยพฉุกเฉิน เป็นสิ่งจำเป็น
2. ความร่วมมือระหว่างสายการบินและรัฐบาลท้องถิ่น ช่วยลดความสูญเสีย
3. การสื่อสารกับผู้โดยสารอย่างโปร่งใส ช่วยลดความตื่นตระหนกและความเสียหายทางภาพลักษณ์
สรุปเหตุการณ์และสถานการณ์ปัจจุบัน
เหตุการณ์ประท้วงของกลุ่ม Gen Z ในเนปาล นำไปสู่ความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนและระบบการบิน
ผู้เสียชีวิต: 22 ราย
ผู้บาดเจ็บ: กว่า 400 คน
















