วิกฤติ! เนปาลสั่งเคอร์ฟิวส์ทั่วประเทศ เตือนงดออกนอกบ้าน สนบ.ปิดชั่วคราว
วิกฤตเนปาลเดือด! สถานทูตไทยเตือนคนไทยหลังม็อบ Gen Z เผาสภา ก่อจลาจล เสียชีวิตพุ่ง 22 ศพ กองทัพประกาศเคอร์ฟิว-ปิดสนามบินชั่วคราว
วันที่ 10 กันยายน 2568 ประเทศเนปาลกำลังเผชิญกับวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี หลังการประท้วงของกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือที่ถูกขนานนามว่า “ม็อบ Gen Z” ลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลรุนแรงกลางกรุงกาฐมาณฑุและเมืองสำคัญหลายแห่งทั่วประเทศ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 22 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
สถานการณ์บีบให้ นายกรัฐมนตรี เค พี ชาร์มา โอลี (K. P. Sharma Oli) ต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง พร้อมรัฐมนตรีอีก 3 ราย ขณะที่กองทัพเนปาลตัดสินใจเข้าควบคุมสถานการณ์เต็มรูปแบบ พร้อมประกาศ เคอร์ฟิวทั่วประเทศ และปิดสนามบินนานาชาติตรีภูวัน (Tribhuvan International Airport) ชั่วคราว
ต้นตอวิกฤต: ม็อบ Gen Z ต่อต้านคอร์รัปชันและนโยบายจำกัดเสรีภาพ
การประท้วงครั้งนี้เริ่มต้นจากความไม่พอใจของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่อการทุจริตในรัฐบาล และมาตรการที่เข้มงวดเกินไปของรัฐในการจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะ คำสั่งห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงความคิดเห็นและสื่อสารของคนรุ่นใหม่
เดิมทีการชุมนุมเริ่มอย่างสงบ แต่ต่อมาได้บานปลายอย่างรวดเร็วเมื่อมีผู้ชุมนุมจำนวนมากพยายามบุกเข้าไปยัง อาคารรัฐสภา, ที่ทำการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานราชการต่าง ๆ จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างรุนแรง
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ผู้ประท้วงบางส่วนได้ จุดไฟเผาที่พักของประธานาธิบดี, บ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีโอลี และอดีตผู้นำหลายราย รวมถึงบ้านของ นายอุเพนดรา มาฮาโด (Upendra Mahato) นักธุรกิจมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของเนปาล ถูกวางเพลิงและปล้นสะดม
กองทัพเข้าควบคุมประเทศ ประกาศเคอร์ฟิว-ปิดสนามบิน
ท่ามกลางความโกลาหล กองทัพเนปาลได้ออกแถลงการณ์ว่า ได้ส่งกำลังพลเข้าควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั่วกรุงกาฐมาณฑุ รวมถึง ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน และ ทำเนียบสิงห์ตะระบาร์ ศูนย์กลางการบริหารประเทศ พร้อมประกาศใช้มาตรการเข้มงวด ดังนี้
1. ห้ามออกนอกเคหสถาน (Prohibitory Orders): ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 10 กันยายน จนถึงเวลา 17.00 น.
2. ประกาศเคอร์ฟิว (Curfew): ต่อเนื่องจนถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน 2568
3. ปิดสนามบินนานาชาติตรีภูวันชั่วคราว: จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 10 กันยายน 2568 โดยผู้โดยสารทุกคนถูกขอให้ตรวจสอบสถานะเที่ยวบินกับสายการบินก่อนออกเดินทาง
กองทัพยังได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมระบุว่า มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีแทรกซึมเข้ามาในกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อก่อเหตุรุนแรง ทั้งการวางเพลิง ปล้นสะดม และมีรายงานความพยายามล่วงละเมิดทางเพศในบางพื้นที่
สถานทูตไทยฯ เตือนคนไทยในเนปาล
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกาฐมาณฑุ ได้ออกแถลงการณ์ด่วนผ่านเพจเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy in Kathmandu โดยมีสาระสำคัญคือ
แจ้งเตือนคนไทยในเนปาล ให้เพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการชุมนุมหรือจลาจล
แนะนำให้อยู่ในที่พักหรือพื้นที่ปลอดภัย ติดตามประกาศของสถานทูตและหน่วยงานความมั่นคงอย่างใกล้ชิด
กรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานทูตได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ +977 9 818749944 หรือผ่าน Line Official ของสถานทูต
ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศไทยกำลังติดตามสถานการณ์และเตรียมมาตรการช่วยเหลือหากจำเป็น
ความรุนแรงที่ลุกลามเกินคาด
แม้รัฐบาลและกองทัพเนปาลจะยืนยันว่าสถานการณ์ “อยู่ภายใต้การควบคุม” แต่รายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า การจลาจลยังคงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะย่านชุมชนสำคัญและบริเวณที่ทำการรัฐบาล
เหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงที่สุดคือการที่ผู้ชุมนุมบุกเข้าไปใน รัฐสภาเนปาล และทำการเผาอาคารบางส่วน รวมถึงการเผาบ้านพักส่วนตัวของผู้นำประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความโกรธแค้นและความไม่พอใจที่สะสมมานาน
ปัจจัยเบื้องหลังความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่
นักวิเคราะห์การเมืองเนปาลให้ความเห็นว่า สาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวรุนแรงเช่นนี้ เกิดจากหลายปัจจัยสะสม ได้แก่
1. การทุจริตในรัฐบาล: เนปาลถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่ามีปัญหาคอร์รัปชันฝังรากลึก ทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง
2. เศรษฐกิจถดถอย: คนรุ่นใหม่จำนวนมากเผชิญกับภาวะว่างงานสูงและโอกาสทางเศรษฐกิจที่จำกัด
3. มาตรการจำกัดเสรีภาพ: โดยเฉพาะคำสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ถูกมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
4. ความไม่เชื่อมั่นในผู้นำ: หลายฝ่ายเชื่อว่ารัฐบาลของนายโอลีไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคงได้
เสียงสะท้อนจากประชาคมโลก
วิกฤตการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความสั่นสะเทือนภายในประเทศ แต่ยังดึงดูดความสนใจจากนานาชาติ หลายประเทศรวมถึงไทย ได้ออกประกาศเตือนพลเมืองของตนให้ระมัดระวัง ขณะที่สหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วง
สถานการณ์ในเนปาลถือเป็นบทเรียนสำคัญทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
สำหรับรัฐบาลเนปาล: ต้องตระหนักว่าการกดทับเสียงของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ อาจนำไปสู่การระเบิดครั้งใหญ่ที่ควบคุมไม่ได้
สำหรับสังคมโลก: สะท้อนถึงความเปราะบางของประเทศกำลังพัฒนา ที่อาจเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งเศรษฐกิจและความไม่โปร่งใสของผู้นำ
สำหรับคนไทยในต่างแดน: ตอกย้ำความสำคัญของการติดตามข่าวสารจากสถานทูต และการมีช่องทางติดต่อในยามฉุกเฉิน
สรุป
วิกฤตการเมืองในเนปาลที่เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2568 ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ความไม่สงบที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี มีทั้งการประท้วง การจลาจล การเผาสถานที่ราชการและบ้านพักผู้นำ รวมถึงการสูญเสียชีวิตของประชาชนมากกว่า 22 ราย
ขณะนี้กองทัพเนปาลได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศและปิดสนามบินชั่วคราว เพื่อควบคุมสถานการณ์ ขณะที่สถานทูตไทยในกาฐมาณฑุได้ออกประกาศเตือนอย่างเป็นทางการให้คนไทยเพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และติดตามข้อมูลจากทางการอย่างใกล้ชิด
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อเสียงของประชาชนถูกกดทับโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ความไม่พอใจอาจปะทุขึ้นอย่างรุนแรง และอาจนำประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤตที่ยากจะควบคุมได้















