ช็อก! สิงโตรุมขย้ำเจ้าหน้าที่สวนสัตว์กลางกรุง ดับสลด
สุดสลด! สิงโตในสวนสัตว์ชื่อดังกลางกรุง กัดทำร้ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิตต่อหน้านักท่องเที่ยวจำนวนมาก
วันที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น. เกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนใจขึ้นที่ สวนสัตว์ชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำสวนสัตว์ถูกสิงโตตะครุบจากด้านหลังและรุมกัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตกใจให้กับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และกำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจ
ลำดับเหตุการณ์นาทีชีวิต
พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “อาจารย์หมอธวัชชัย” อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ว่า ขณะเจ้าหน้าที่ผู้เคราะห์ร้ายเดินลงมาจากรถในพื้นที่ใกล้กรงเลี้ยงสิงโต ได้มีสิงโตตัวหนึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาจู่โจมทางด้านหลัง
สิงโตตัวดังกล่าวได้กระโจนตะครุบเจ้าหน้าที่ลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นเริ่มใช้ฟันกัดเข้าที่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจยิ่งกว่าคือไม่นานหลังจากนั้น สิงโตอีก 3-4 ตัว ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็เข้ามารุมกัดเพิ่มเติม ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง
นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่อยู่บริเวณใกล้เคียง พยายามส่งเสียงดัง บีบแตรรถ และตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือ หวังว่าสิงโตจะหยุดการทำร้าย แต่การรุมกัดยังคงดำเนินอยู่นานกว่า 15 นาที
ความเข้าใจผิดที่นำไปสู่ความสูญเสีย
ในช่วงแรก หลายคนที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจผิด คิดว่าสิงโตกำลัง “เล่นหรือกอด” กับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากผู้เคราะห์ร้ายน่าจะเป็นผู้ที่มีความคุ้นเคยกับสิงโตจากการทำงานเลี้ยงดู จึงทำให้ไม่มีใครรีบเข้าไปช่วยในทันที ความเข้าใจผิดเพียงไม่กี่นาทีนี้กลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ล่าช้า และทำให้เหตุการณ์บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้
การช่วยเหลือที่มาถึงล่าช้า
เมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ของสวนสัตว์ได้รับแจ้ง จึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ ใช้เครื่องมือรวมถึงเสียงดังเพื่อผลักดันให้สิงโตหยุดการทำร้าย ก่อนนำร่างผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากบาดแผลสาหัสและเสียเลือดมากเกินไป สุดท้ายเจ้าหน้าที่รายนี้ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ความปลอดภัยในสวนสัตว์ถูกตั้งคำถาม
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้เห็นเหตุการณ์ แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถามในสังคมถึง มาตรการรักษาความปลอดภัยในสวนสัตว์ ว่าเพียงพอหรือไม่
ทำไมสิงโตจึงสามารถเข้าถึงเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงโดยไม่มีการกั้นที่ปลอดภัย?
เหตุใดถึงไม่มีทีมงานคอยดูแลหรือควบคุมสัตว์อย่างใกล้ชิดในช่วงเวลานั้น?
และเหตุผลใดที่ทำให้สิงโตจำนวนหลายตัวเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ทำงานได้พร้อมกัน?
นักท่องเที่ยวบางรายถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า “เป็นภาพที่ติดตาไปตลอดชีวิต” และหลายคนยอมรับว่า ไม่กล้ากลับมาเที่ยวสวนสัตว์อีก หากมาตรการความปลอดภัยยังไม่ถูกปรับปรุงอย่างจริงจัง
เสียงจากผู้เห็นเหตุการณ์
หนึ่งในนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า
“เราไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เห็นเจ้าหน้าที่ถูกสิงโตรุมกัดต่อหน้า แต่เราไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย นอกจากตะโกนและบีบแตรรถเพื่อทำให้พวกมันตกใจ”
ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยรายหนึ่งกล่าวว่า “ตอนแรกคิดว่าเขากับสิงโตสนิทกัน เพราะดูเหมือนเล่นกัน แต่พอเห็นเลือดไหลออกมา ถึงรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงแล้ว แต่ตอนนั้นก็สายเกินไป”
ผลกระทบต่อวงการสวนสัตว์
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อภาพลักษณ์ของสวนสัตว์ที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อ วงการสวนสัตว์ทั่วประเทศ เนื่องจากสร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนที่ต้องการพาบุตรหลานมาท่องเที่ยวและศึกษาเรียนรู้สัตว์ป่า
ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมองว่า การเลี้ยงสัตว์ดุร้ายอย่างสิงโตจำเป็นต้องมีมาตรการที่รัดกุมมากกว่าปัจจุบัน ไม่เพียงแค่เรื่องกรงหรือการควบคุมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า
นักวิชาการด้านสัตววิทยาชี้ว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้มักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
1. สัญชาตญาณนักล่า ของสิงโต แม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก แต่เมื่อเจอสถานการณ์กระตุ้น ก็อาจเกิดพฤติกรรมดุร้ายได้
2. สภาพแวดล้อมการเลี้ยง หากกรงหรือพื้นที่เลี้ยงไม่เหมาะสม อาจเพิ่มความเครียดให้สัตว์
3. การละเลยมาตรการความปลอดภัย ทั้งจากตัวเจ้าหน้าที่เองและจากระบบควบคุมของสวนสัตว์
เสียงเรียกร้องจากสังคม
หลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กระแสในโลกออนไลน์ต่างออกมา เรียกร้องให้สวนสัตว์ทบทวนมาตรการด้านความปลอดภัย และบางส่วนถึงกับเสนอให้ยกเลิกการเลี้ยงสัตว์ดุร้ายเพื่อแสดงโชว์ต่อสาธารณะ โดยให้ความเห็นว่า
สัตว์ป่าควรอยู่ในถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติ
การเลี้ยงสัตว์ดุร้ายไว้เพื่อความบันเทิงอาจไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมอีกต่อไป
รัฐควรมีนโยบายกำกับดูแลสวนสัตว์ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
สรุป
เหตุการณ์สิงโตรุมกัดเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ นับเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่เพียงสร้างความสูญเสียแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ยังสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมาตรการความปลอดภัยของสวนสัตว์ไทย
สิ่งที่ควรเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ
การสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียด
การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทั้งสำหรับเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยว
การทบทวนบทบาทของสวนสัตว์ในฐานะสถานที่เพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงสถานบันเทิง
การสูญเสียครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ประเทศไทยต้อง ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยในสวนสัตว์ และตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อทั้งชีวิตคนและสัตว์ในเวลาเดียวกัน
















