สรุปชัด! คนละครึ่ง 2568 ครบทั้ง 2 รูปแบบ 60:40 และ 50:50
นายกฯ อนุทิน เผยเงื่อนไขใหม่โครงการ “คนละครึ่ง 2568” ปรับสัดส่วน 60:40 สำหรับผู้เสียภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มแรงจูงใจเข้าสู่ระบบภาษี
วันที่ 9 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของ โครงการคนละครึ่ง 2568 หลังจากที่โครงการเคยประสบความสำเร็จในหลายปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้รัฐบาลมีแนวคิดปรับ รูปแบบการสนับสนุนให้แตกต่างกันตามกลุ่มประชาชน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีเข้าร่วมโครงการ
แนวคิดใหม่ “คนละครึ่ง 60:40”
ตามข้อมูลล่าสุด นายอนุทิน เปิดเผยว่าขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับรูปแบบโครงการให้ ประชาชนที่อยู่ในระบบภาษี ได้รับสัดส่วนการร่วมจ่ายระหว่างรัฐกับประชาชนเป็น 60:40 แปลว่า รัฐสนับสนุน 60% ส่วนประชาชนจ่ายเพียง 40%
แนวคิดนี้มาจาก นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเสนอให้สัดส่วนแบบนี้เป็นการจูงใจให้ผู้เสียภาษีเงินได้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น พร้อมกับ กระตุ้นให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชิงนโยบายที่ช่วยให้รัฐมีฐานภาษีที่มั่นคงในระยะยาว
สำหรับ ประชาชนทั่วไปที่อยู่นอกระบบภาษี จะยังคงได้รับสิทธิแบบเดิมคือ 50:50 ซึ่งหมายความว่ารัฐสนับสนุน 50% ส่วนประชาชนจ่าย 50% เหมือนโครงการคนละครึ่งในปีที่ผ่านมา
เป้าหมายของโครงการคนละครึ่ง 2568
นายอนุทินกล่าวว่า การปรับสัดส่วนดังกล่าวมี หลายเป้าหมายหลัก ได้แก่
1. กระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มร้านค้า SMEs และผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่ยังคงต้องพึ่งพาการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
2. จูงใจประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี โดยผู้เสียภาษีได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่า ทำให้ประชาชนเห็นความคุ้มค่าในการเสียภาษี
3. รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ เพราะงบประมาณมีจำกัด รัฐต้องจัดสรรอย่างรอบคอบ โดยยังสามารถดำเนินโครงการได้โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน
“เป็นแนวคิดที่ผมเห็นด้วย เพราะประชาชนจะได้ประโยชน์มากขึ้น และถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งรัฐมีงบประมาณเพียงพอที่จะดำเนินการได้” นายอนุทินกล่าว
ระยะเวลาการดำเนินโครงการ
โครงการคนละครึ่ง 2568 คาดว่าจะ เริ่มดำเนินการได้ภายใน 4 เดือน หากทุกฝ่ายพร้อมและเดินหน้าตามแผนอย่างเต็มที่ ซึ่งหมายความว่าประชาชนและร้านค้าสามารถเริ่มใช้สิทธิ์ในช่วง ปลายปี 2568 หรือช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
การดำเนินการที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เพราะโครงการคนละครึ่งถือเป็นมาตรการ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยทันที ซึ่งช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย และช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยังอยู่ระหว่างพิจารณา
พร้อมกันนี้ นายอนุทิน ยังตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับ โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่า รัฐบาลเห็นว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและการเดินทางสาธารณะ แต่ต้อง พิจารณาความเป็นไปได้เชิงการเงิน ก่อนดำเนินการจริง
เหตุผลคือ หากดำเนินโครงการโดยไม่รอบคอบ อาจเกิด ภาระงบประมาณสะสมหรือขาดทุนซ้ำซาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ผลกระทบต่อประชาชนและร้านค้า
การปรับรูปแบบโครงการคนละครึ่ง 2568 จะมี ผลกระทบเชิงบวกหลายด้าน ดังนี้
1. ประชาชนที่เสียภาษี จะได้สิทธิ์มากขึ้น ทำให้มีแรงจูงใจในการใช้จ่าย
2. ประชาชนทั่วไป ยังคงได้สิทธิ์เท่าเดิม ช่วยรักษาความเท่าเทียม
3. ร้านค้าและ SMEs จะได้รับประโยชน์จากจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึง ยอดขายและรายได้ที่มากขึ้น
4. ภาครัฐ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยไม่สร้างภาระงบประมาณเกินความจำเป็น
สำหรับร้านค้า การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจะเริ่มก่อนเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิ์ ซึ่งช่วยให้ร้านค้าสามารถ ปรับระบบรับชำระเงินและวางแผนสินค้า ได้ล่วงหน้า
ประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โครงการคนละครึ่งถือเป็น มาตรการเร่งด่วน ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างตรงจุด เพราะเงินที่รัฐอัดฉีดจะเข้าสู่ ร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย โดยตรง ต่างจากการอัดฉีดงบประมาณผ่านโครงการใหญ่ที่อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของโครงการขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
วงเงินที่รัฐสนับสนุนต่อคน
ระยะเวลาที่เปิดให้ใช้สิทธิ์
ความพร้อมของร้านค้าและระบบชำระเงิน
ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงต้องติดตามผลและปรับปรุงโครงการเพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุดต่อเศรษฐกิจและประชาชน
ข้อสรุป
โครงการคนละครึ่ง 2568 ภายใต้รัฐบาลอนุทิน เป็น หนึ่งในมาตรการสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี
ประชาชนที่อยู่ในระบบภาษีได้สิทธิ์ 60:40
ประชาชนทั่วไปยังคงได้รับสิทธิ์ 50:50
โครงการคาดว่าจะเริ่มภายใน 4 เดือนข้างหน้า
ระบบและแพลตฟอร์มพร้อมใช้งาน ไม่ต้องสร้างใหม่
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเชิงการเงิน
ประชาชนสามารถเตรียมตัวสำหรับการใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่บัดนี้ และติดตามข่าวสารจาก กระทรวงการคลัง และแอปพลิเคชัน เป๋าตัง เพื่อไม่พลาดการใช้สิทธิ์
















