ตำรวจแจงคดี “เก่ง ลายพราง” เจอโทษหนัก 10 ปี เข้าข่าย 4 ข้อหา
ผกก.สน.ห้วยขวาง เผยคดี “เก่ง ลายพราง” เข้าข่าย 4 ข้อหาหนัก พร้อมความคืบหน้าล่าสุด
คดีของอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “เก่ง ลายพราง” หรือนายปัญญา ยิ้มอำไพ กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาพยายามล่วงละเมิดทางเพศและกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยล่าสุด พ.ต.อ.ประสบโชค เอี่ยมพี่นิจ ผกก. สน.ห้วยขวาง ได้เปิดเผยความคืบหน้าของคดีหลังการประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสอบสวน
การประชุมติดตามความคืบหน้าคดี
พ.ต.อ.ประสบโชคระบุว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด โดยเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสอบสวนทั้งหมดเข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนการดำเนินคดีให้เกิดความรัดกุมและครบถ้วน โดยเฉพาะการจัดลำดับเหตุการณ์จากหลักฐานและคำให้การของผู้เสียหาย รวมถึงการพยานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมายและสามารถสืบสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังการประชุม พ.ต.อ.ประสบโชคได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกพยานในเหตุการณ์มาสอบปากคำแล้วจำนวน 4 ปาก โดยแต่ละปากให้ข้อมูลที่ตรงกับหลักฐานและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ทำให้ภาพรวมของคดีเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น
4 ข้อหาหนักที่เข้าข่ายความผิด
จากการสอบสวนพยานและรวบรวมหลักฐาน พนักงานสอบสวนพบว่าการกระทำของ “เก่ง ลายพราง” เข้าข่ายความผิดทางอาญา 4 ข้อหา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. กระทำอนาจาร
การกระทำอนาจารถือเป็นความผิดร้ายแรงที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และหากมีการตัดสินลงโทษ ผู้กระทำความผิดจะต้องรับโทษตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
2. หน่วงเหนี่ยวกักขัง
พฤติกรรมการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เสียหาย ถือเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งถือเป็นข้อหาที่ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนทั้งทางร่างกายและจิตใจ
3. ข่มขืนใจผู้อื่น
ข้อหานี้หมายถึงการใช้กำลังใจหรือบังคับให้ผู้อื่นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่เต็มใจ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดสิทธิของผู้เสียหายอย่างชัดเจน
4. ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
การข่มขู่ผู้เสียหายให้ตกใจหรือหวาดกลัว เป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งเป็นข้อหาที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้เสียหายในระยะยาว
พ.ต.อ.ประสบโชคกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินคดีแต่ละข้อหาถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องมีการรวบรวมหลักฐานอย่างรอบคอบ รวมถึงการเทียบเคียงข้อมูลจากกล้องวงจรปิดกับคำให้การของผู้เสียหายและพยาน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและสมบูรณ์ที่สุด
การตรวจสอบหลักฐานและการเทียบเคียงข้อมูล
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่เจ้าหน้าที่เน้นย้ำคือการตรวจสอบหลักฐานจาก กล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ทั้งเวลา สถานที่ และพฤติกรรมของผู้เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาประกอบกับคำให้การของผู้เสียหายและพยาน เพื่อจัดลำดับเหตุการณ์อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดเหตุจนถึงการเรียกสอบปากคำของผู้เกี่ยวข้อง
การเทียบเคียงข้อมูลนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน เนื่องจากการสอบปากคำเพียงอย่างเดียวอาจเกิดความคลาดเคลื่อนหรือถูกตั้งคำถามได้ แต่เมื่อมีหลักฐานที่เป็นภาพและวีดีโอประกอบ จะช่วยยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างชัดเจน
การสอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกจับตามองคือการสอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดการกดดันหรืออคติในการให้ปากคำ การสอบปากคำร่วมกันต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมและมีการควบคุมอย่างเข้มงวด
พ.ต.อ.ประสบโชคระบุว่า การสอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย และหลังจากนั้นจะมีการรวบรวมข้อมูลและนำเสนอให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงพิจารณาต่อไป เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย
การให้ความคุ้มครองผู้เสียหาย
ในคดีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศและการกักขังหน่วงเหนี่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยและสิทธิของผู้เสียหาย เป็นอันดับแรก การสอบสวนทุกขั้นตอนจะต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจและความปลอดภัยของผู้เสียหาย รวมถึงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาหรือสนับสนุนด้านจิตวิทยา เพื่อช่วยให้ผู้เสียหายสามารถให้ข้อมูลได้อย่างเต็มที่โดยไม่เกิดความกังวลหรือความเครียดเพิ่มเติม
เมื่อมีการสอบปากคำพยานและคู่กรณีครบถ้วน พร้อมทั้งตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียดแล้ว พนักงานสอบสวนจะจัดทำสำนวนคดีและนำเสนอผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อพิจารณา ก่อนนำส่งอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องต่อศาลต่อไป ทั้งนี้การดำเนินคดีต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษอย่างเหมาะสม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า คดีความรุนแรงทางเพศจะไม่ถูกละเลย
ความสนใจของสังคมต่อคดีนี้
คดีของ “เก่ง ลายพราง” สร้างความสนใจและกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมออนไลน์ โดยหลายคนตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ในสังคมไทย และความสำคัญของการใช้โซเชียลมีเดียอย่างรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังมีการติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นกรณีตัวอย่างที่สะท้อนปัญหาความรุนแรงทางเพศในสังคมไทย
สรุป
คดีของ “เก่ง ลายพราง” เป็นอีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศ การกักขัง และการข่มขู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อผู้เสียหายทั้งร่างกายและจิตใจ พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนอย่างรอบคอบ มีการรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและคำให้การของพยานอย่างละเอียด รวมถึงการจัดลำดับเหตุการณ์อย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ความคืบหน้าของคดีจะยังคงมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง และสังคมยังคงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการนำหลักฐานและการสอบปากคำมาใช้ประกอบในการดำเนินคดี ซึ่งจะช่วยให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างแท้จริง


















