เพจดังเปิดข้อมูล! ทหาร BHQ ติดคอนเทนต์จนถูกเปิดพิกัดตั้งฐาน
ส่องคลิปทหารกัมพูชาสายคอนเทนต์ เปิดพิกัดแนวรบใกล้ปราสาทพระวิหาร หลังข้อตกลงหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา
แม้ในช่วงนี้ ชายแดนไทย-กัมพูชา จะอยู่ในช่วงที่มี ข้อตกลงหยุดยิงและเข้าสู่เวทีเจรจา เพื่อรักษาสันติภาพและลดความตึงเครียดในพื้นที่ แต่ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของหน่วยทหารฝั่งกัมพูชา โดยล่าสุด เพจชื่อดัง “Army Military Force” ได้เผยแพร่คลิปทหารกัมพูชาที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่าง ๆ ในประเทศ พร้อมข้อความประกอบว่า
"BHQ เขมร สายคอนเทนต์ด้วยง! ชอบถ่ายคลิปลงในโซเชียลมีเดีย เคยอ้างว่า เสียมไม่มีวันรู้ตำแหน่ง วันนี้ขอบคุณมากที่สุดที่คุณ…พลาด ออกจากฐานแล้วถ่ายคลิปบรรยากาศทางภูมิศาสตร์"
ทหาร BHQ กัมพูชาสายคอนเทนต์
คลิปดังกล่าวแสดงให้เห็น ทหาร BHQ ของกัมพูชา ซึ่งเป็นสายคอนเทนต์ประจำฐานแนวรบใกล้ ปราสาทพระวิหาร โดยเจ้าตัวมักจะถ่ายคลิปลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัว เพื่อบรรยายบรรยากาศและกิจกรรมประจำวัน
อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้กลายเป็น ความผิดพลาดที่สำคัญ เพราะทหารคนดังกล่าวได้ ออกไปถ่ายคลิปนอกฐาน ซึ่งทำให้เปิดเผย ตำแหน่งที่ตั้งของตัวเองโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเพจ Army Military Force ได้นำมาโพสต์และเผยแพร่ให้เห็นในสาธารณะ
ที่น่าสนใจคือ ทหารคนดังกล่าวยังได้ระบุ เบอร์โทรศัพท์และตำแหน่งฐานของตัวเอง บนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมติดเครื่องหมาย Meta Verified เพื่อยืนยันตัวตนและบ่งบอกว่าเขาเข้ามาอยู่ในแวดวงครีเอเตอร์อย่างเต็มตัว
พิกัดที่เผยแพร่โดยเพจ Army Military Force
เพจดังกล่าวยังสามารถระบุ พิกัดสำคัญตามแนวรบใกล้ปราสาทพระวิหาร ซึ่งรวมถึงพื้นที่สำคัญทางภูมิศาสตร์ที่ทหารกัมพูชาไปถ่ายคลิป
1. สระน้ำทางขึ้นปราสาทพระวิหาร – ปัจจุบันพื้นที่ปกคลุมด้วยป่ารก มีสระเล็กและถนนเข้าถึงได้ แต่ Google Maps ยังไม่ได้อัพเดตภาพ
2. น้ำตกริมถนนคอนกรีตทางขึ้นปราสาทพระวิหาร – สภาพน้ำตกจะมีเฉพาะช่วงหน้าฝน ปัจจุบัน Google Maps ยังไม่ได้อัพเดต
3. โค้งถนนลูกรังก่อนถึงสะพานคอนกรีตขนาดเล็ก – อยู่ห่างจากปราสาทพระวิหารประมาณ 14 กิโลเมตร หากใช้เส้นทางหลักคือถนนหมายเลข 62
4. ทางลัดเล็กๆ ทางซ้ายของปราสาทพระวิหาร – กัมพูชาสร้างทางลัดไว้ มีระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นทางเลือกจากเส้นทางหลัก
5. ฐาน BHQ และทหารอีแตะ – ตั้งอยู่ทางขึ้นปราสาทพระวิหาร อยู่ใกล้แนวชายแดนไทย
การเผยแพร่คลิปและผลกระทบทางยุทธศาสตร์
เหตุการณ์นี้ถือเป็น ตัวอย่างของความเสี่ยงด้านความมั่นคง ที่เกิดจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์โดยไม่ระมัดระวัง ซึ่งสามารถนำไปสู่ การเปิดเผยตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ ของหน่วยทหาร
เพจ Army Military Force ชี้ให้เห็นว่าการกระทำเช่นนี้อาจเป็น ช่องทางให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตำแหน่งและเคลื่อนไหวของทหาร โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งถือเป็น ประเด็นสำคัญด้านความมั่นคง และเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวัง
ความสำคัญของสื่อสังคมออนไลน์ต่อทหาร
ในยุคดิจิทัล ทหารหลายประเทศเริ่มใช้ สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสื่อสารกับประชาชนหรือสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับงานของตนเอง แต่กรณีนี้สะท้อนว่า การใช้สื่อส่วนตัวโดยไม่ระมัดระวังอาจสร้างความเสี่ยงต่อความปลอดภัย
การโพสต์ตำแหน่งและข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย
การถ่ายคลิปนอกฐานโดยไม่ขออนุญาต
การแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมหรืออุปกรณ์ทหาร
ทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่ ช่องโหว่ด้านความมั่นคง ได้
ข้อควรระวังและแนวทางป้องกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแนะนำว่า เจ้าหน้าที่ทหารควรมีมาตรการป้องกัน การเปิดเผยข้อมูลทางยุทธศาสตร์บนสื่อออนไลน์ เช่น
1. การอบรมความปลอดภัยไซเบอร์ สำหรับเจ้าหน้าที่
2. การกำหนดนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับการโพสต์สื่อสังคมออนไลน์
3. การตรวจสอบและอนุมัติเนื้อหาก่อนเผยแพร่ เพื่อป้องกันการเปิดเผยตำแหน่งหรือข้อมูลสำคัญ
นอกจากนี้ การใช้ บัญชีส่วนตัวสำหรับสังคมออนไลน์ ควรแยกออกจากการปฏิบัติหน้าที่ทางทหาร เพื่อให้ข้อมูลส่วนตัวไม่กระทบต่อความมั่นคง
ความเคลื่อนไหวชายแดนไทย-กัมพูชา
ถึงแม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงจะทำให้ชายแดนมีความสงบ แต่ เหตุการณ์เช่นนี้สะท้อนว่าการสอดส่องและการเฝ้าระวังยังคงมีความสำคัญ ทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา
การเฝ้าระวังคลิปและพฤติกรรมของทหารฝั่งตรงข้าม
การตรวจสอบพิกัดและตำแหน่งสำคัญที่ถูกเปิดเผย
การติดตามข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์และเพจที่เกี่ยวข้อง
ทั้งหมดนี้ช่วยให้หน่วยงานความมั่นคงสามารถ เตรียมการและวางแผนป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น
บทสรุป
กรณีทหารกัมพูชาสายคอนเทนต์ที่โพสต์คลิปและเปิดเผยพิกัดใกล้ปราสาทพระวิหาร เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงในยุคดิจิทัล แม้ในช่วงเวลาที่มี ข้อตกลงหยุดยิงและเวทีเจรจา แต่การกระทำที่ไม่ระมัดระวังอาจสร้าง ช่องโหว่ทางยุทธศาสตร์ ได้
สิ่งที่สำคัญคือการ สร้างความตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ ให้กับเจ้าหน้าที่ทหารทุกระดับ และการ ควบคุมการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้ความสงบและความมั่นคงของชายแดนยังคงอยู่
นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์สมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงบนสนามรบเท่านั้น แต่รวมถึง โลกออนไลน์และการสื่อสารดิจิทัล ซึ่งสามารถส่งผลต่อความมั่นคงได้เช่นกัน
อ้างอิงจาก: เพจ Army Military Force






















