สลด! ป้า 58 เครียดเป็นหนี้ 8 หมื่น ผูกคอรอบ 2 หลังถูกหลอกรัก
ป้าวัย 58 ผูกคอช้ำรอบสอง โชคดีช่วยทัน หลังเครียดเป็นหนี้กว่า 8 หมื่น ถูกหลอกให้รักและลงทุน
เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจและสะท้อนปัญหาสังคมอย่างชัดเจน เกิดขึ้นเมื่อ นางอมรรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ได้พยายาม ผูกคอตัวเองเป็นครั้งที่สอง หลังจากตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางความรักและการลงทุนทางออนไลน์ จนทำให้เธอเกิดความเครียดสะสม และไม่สามารถรับมือกับภาระทางการเงินจำนวนมากได้
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 เวลา 18.30 น. ศูนย์วิทยุตำรวจภูธรจังหวัดตราดได้รับแจ้งเหตุมีคนจะผูกคอ ภายในซอยบุตรน้อย ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
การช่วยเหลือฉุกเฉิน
สถานที่เกิดเหตุเป็น บ้านสองชั้น โดยนางอมรรัตน์อยู่ชั้นสองของบ้าน ประตูห้องถูก ล็อกด้านใน และมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงพูดคุยเกลี้ยกล่อมจนเธอยอมเปิดประตู
เมื่อเข้าห้อง พบว่านางอมรรัตน์ นอนร้องไห้อยู่ โดยในมือมีเชือกที่เธอพยายามผูกคอ เจ้าหน้าที่จึงพยายามเอาเชือกออกห่างจากตัวเธอ แต่ระหว่างนั้น นางอมรรัตน์ยังพยายามคว้าเชือกมาผูกคออีกครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องร่วมมือกันดึงเชือกออกมาเพื่อป้องกันเหตุร้าย
นางอมรรัตน์ร้องไห้โฮอย่างหนัก เจ้าหน้าที่จึงพูดคุยทำให้เธอใจเย็นลง หลังจากนั้นได้ ประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด เพื่อติดตามอาการและเข้ามาให้การช่วยเหลือ
สาเหตุความเครียด: ถูกหลอกให้ลงทุนและรักออนไลน์
จากการตรวจสอบโทรศัพท์ของนางอมรรัตน์ พบว่าเธอมีการสนทนากับชายรายหนึ่งผ่าน แอปพลิเคชันไลน์และติ๊กต่อก โดยชายดังกล่าวใช้ชื่อว่า พรเทพ (วินเนอร์) และใน TikTok ใช้ชื่อบัญชีว่า @วินเนอร์
บทสนทนาส่วนใหญ่ฝ่ายชายมี การพูดคุยล่อลวงและชักชวนให้นางอมรรัตน์ลงทุน โดยใช้วิธีสร้างความไว้ใจและความสัมพันธ์ทางอารมณ์ (Romance Scam) ซึ่งเป็นเทคนิคที่พบได้บ่อยในโลกออนไลน์
นางอมรรัตน์ยอมโอนเงินให้กับฝ่ายชาย รวมทั้งหมดประมาณ 8 ครั้ง เป็นเงินกว่า 82,000 บาท หลังจากโอนเงินเสร็จ เธอกลับถูกละเลยและไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ถูกหลอกลวง ซึ่งทำให้เธอเกิดความเครียดสะสม
ความเครียดสะสมและผลกระทบต่อจิตใจ
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง ผลกระทบทางจิตใจที่รุนแรง จากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาจมี ความเปราะบางทางอารมณ์และการเงิน
นางอมรรัตน์ได้แสดงพฤติกรรม พยายามทำร้ายตัวเองถึงสองครั้ง ซึ่งบ่งบอกถึง ภาวะเครียดขั้นรุนแรงและความรู้สึกหมดหวัง เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้วิธีการพูดคุยและเกลี้ยกล่อมอย่างละเอียด เพื่อให้เธอปลอดภัยและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยยังย้ำถึงความสำคัญของ การสังเกตสัญญาณเตือนของผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะเครียดหรือซึมเศร้า เช่น
การพูดถึงความสิ้นหวังหรือความอับจน
การแสดงพฤติกรรมเสี่ยงต่อชีวิตตัวเอง
การเก็บตัวอยู่บ้านหรือหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน
เทคนิคการหลอกลวงและการป้องกัน
จากกรณีของนางอมรรัตน์ การหลอกลวงเกิดขึ้นผ่าน การสร้างความสัมพันธ์ทางออนไลน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Romance Scam หรือ การหลอกลวงด้วยความรัก เทคนิคที่พบได้บ่อย ได้แก่
1. สร้างความไว้วางใจ: ผู้หลอกลวงมักจะสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจ
2. ขอให้ลงทุนหรือโอนเงิน: หลอกให้เหยื่อโอนเงินเพื่อ “ธุรกิจ” หรือ “การลงทุน” โดยอ้างผลตอบแทนสูง
3. หลีกเลี่ยงการพบหน้ากัน: มักให้เหตุผลต่าง ๆ ทำให้ไม่ต้องพบตัวจริง
4. กดดันหรือสร้างความรู้สึกผิด: ทำให้เหยื่อรู้สึกว่าต้องรีบส่งเงินหรือไม่ทำตามจะเสียความสัมพันธ์
การป้องกันสามารถทำได้ด้วย การตรวจสอบข้อมูลผู้ติดต่อ, ไม่โอนเงินให้ใครที่ไม่รู้จัก, และ ระมัดระวังการพบปะบุคคลออนไลน์
หลังเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานกับ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อติดตามอาการและให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา ทั้งยังช่วยประสานงานเรื่อง การจัดการหนี้สินและการฟื้นฟูสภาพจิตใจ
เจ้าหน้าที่เน้นว่า การช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ใช่เพียงเรื่องกฎหมาย แต่รวมถึง การสนับสนุนด้านจิตใจและสังคม ด้วย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำและช่วยให้ผู้เสียหายสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้
ภาพรวมปัญหา: ความเสี่ยงของผู้สูงอายุในโลกออนไลน์
กรณีของนางอมรรัตน์สะท้อนถึง ความเสี่ยงทางออนไลน์ที่ผู้สูงอายุมักเผชิญ เนื่องจาก
เข้าใจเทคโนโลยีไม่มากพอ
มีความเปราะบางทางอารมณ์
มีความต้องการความรักและความสัมพันธ์
โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับ การเงิน เหตุการณ์เช่นนี้สามารถสร้าง ความเสียหายทางเศรษฐกิจและจิตใจอย่างรุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาแนะนำว่า ครอบครัวและสังคมควรเฝ้าระวังผู้สูงอายุ ตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงิน และให้คำปรึกษาอย่างสม่ำเสมอ
ข้อกฎหมายและมาตรการดำเนินคดี
จากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้หลายประเด็น ได้แก่
1. ฉ้อโกงทางออนไลน์ – ตามกฎหมายอาญา
2. ก่อให้เกิดความเครียดและอันตรายต่อชีวิตผู้อื่น
3. การข่มขู่หรือกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน
การดำเนินคดีจำเป็นต้องรวบรวม หลักฐานการโอนเงิน, บทสนทนาในแอปพลิเคชัน, และพยานอื่น ๆ เพื่อให้สำนวนมีความชัดเจนและสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้
สรุปและข้อเสนอแนะ
เหตุการณ์นี้เป็น กรณีเตือนใจสำคัญ สำหรับสังคมไทยเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงของผู้สูงอายุในโลกออนไลน์
ผลกระทบทางจิตใจจากการถูกหลอกลวง
ความสำคัญของการช่วยเหลือฉุกเฉินและการสนับสนุนทางสังคม
สำหรับผู้สูงอายุและครอบครัว ควรตระหนักถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ระมัดระวังความสัมพันธ์ออนไลน์ และไม่โอนเงินให้บุคคลที่ไม่รู้จัก
2. สังเกตสัญญาณเครียดหรือซึมเศร้า และขอความช่วยเหลือทันที
3. มีช่องทางแจ้งเหตุด่วน เช่น โทรศัพท์ฉุกเฉิน 191 หรือศูนย์ช่วยเหลือผู้สูงอายุ
สำหรับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานสังคม การดำเนินงานร่วมกันระหว่าง ตำรวจ, กู้ภัย และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำและช่วยให้ผู้เสียหายฟื้นฟูชีวิตได้
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนปัญหาเฉพาะตัวของนางอมรรัตน์ แต่ยังสะท้อนถึง ปัญหาสังคมไทยในยุคดิจิทัล ที่ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงถูกหลอกลวงและถูกเอาเปรียบทางเศรษฐกิจและจิตใจ






















