“ภูมิธรรม” ยกย่อง “ทักษิณ” เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างสง่างาม
ภูมิธรรม ชมทักษิณ “สง่างาม” เข้ากระบวนการยุติธรรม พรรคเพื่อไทยกำลังใจดี เดินหน้าทำงานปกติ
ในเหตุการณ์ทางการเมืองที่กลายเป็นข่าวใหญ่ในประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเข้ารับโทษจำคุก 1 ปีในคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และส่งตัวเข้ารับโทษที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทันที ทำให้เกิดความสนใจและคำถามในหลายภาคส่วนเกี่ยวกับท่าทีของพรรคเพื่อไทยและแนวทางการเมืองต่อไป
ล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าการตัดสินใจของอดีตนายกรัฐมนตรีถือเป็นตัวอย่างของความสง่างามและความรับผิดชอบต่อกระบวนการยุติธรรม
การเข้ากระบวนการยุติธรรม: ความสง่างามของนักการเมือง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า การที่นายทักษิณเลือกที่จะ ยอมรับคำสั่งของศาล และเข้ากระบวนการยุติธรรมโดยไม่หลบหนี เป็นเรื่องที่ควรชื่นชม โดยระบุว่า
“นี่คือเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย นักการเมืองต้องพร้อมทั้งเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สง่างามมาก”
การยอมรับกระบวนการทางกฎหมายดังกล่าว ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อคดีความส่วนตัว แต่ยังสร้าง มาตรฐานให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ในการยืนหยัดอยู่ในกรอบของกฎหมายและระเบียบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังชี้ให้เห็นว่า การเข้ารับโทษของอดีตนายกรัฐมนตรี จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเมืองไทยโดยรวม เพราะทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามกฎหมายและกระบวนการทางรัฐธรรมนูญ พรรคการเมืองและสถาบันต่าง ๆ ยังคงสามารถทำหน้าที่ของตนเองได้ตามปกติ
พรรคเพื่อไทยยังเข้มแข็ง กำลังใจดี
เรื่องหนึ่งที่หลายฝ่ายกังวลคือ ผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีต้องเข้ารับโทษ แต่ นายภูมิธรรมยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังมีกำลังใจดีและเข้มแข็ง สมาชิกพรรคเข้าใจสถานการณ์และพร้อมเดินหน้าทำงานต่อ
“พรรคยังคงเข้มแข็งและมีกำลังใจดี เพราะเข้าใจการตัดสินใจของนายทักษิณที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และไม่หลบหนี”
เขาย้ำว่าแม้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ สมาชิกพรรคทุกคนเข้าใจความหมายของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และพร้อมที่จะสืบทอดจิตวิญญาณของพรรค เพื่อทำงานเพื่อประชาชนต่อไป
กระแสข่าวฝากพรรคไว้กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ช่วงที่ผ่านมา มีข่าวลือว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอาจฝากพรรคเพื่อไทยไว้กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีและนักการเมืองอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ นายภูมิธรรมชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น
“นายทักษิณฝากไว้กับทุกคนในพรรค เพื่อรักษาจิตวิญญาณของพรรค และเพื่อธำรงประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมทำงานเพื่อประชาชน”
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า อดีตนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับ หลักการและแนวทางของพรรคเพื่อไทยมากกว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทำให้สมาชิกพรรคทุกคนยังสามารถทำงานตามนโยบายและแนวทางเดิมได้อย่างต่อเนื่อง
การประชุมพรรคและการเดินหน้าทำงาน
สำหรับการประชุมพรรคในวันนี้ นายภูมิธรรมยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องมีการปลอบขวัญเป็นพิเศษ เนื่องจากสมาชิกทุกคนเข้าใจสถานการณ์และมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานต่อ
“สมาชิกพรรคทุกคนเข้าใจสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องปลอบขวัญเป็นพิเศษ เพราะทุกคนมีกำลังใจดีเพียงพอที่จะเดินหน้าทำงานต่อไป”
พรรคเพื่อไทยจึงยังคงดำเนินภารกิจด้านการเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตรวจสอบรัฐบาล การทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และการรักษาแนวทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ความหมายทางการเมืองของเหตุการณ์นี้
การเข้ากระบวนการยุติธรรมของอดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็น บทเรียนสำคัญทางการเมือง ทั้งในแง่ของความรับผิดชอบของนักการเมืองและความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย
1. สร้างมาตรฐานทางกฎหมาย – การยอมรับคำตัดสินของศาลโดยไม่หลบหนี เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับนักการเมืองรุ่นใหม่ในการเคารพกระบวนการยุติธรรม
2. รักษาเสถียรภาพพรรคการเมือง – พรรคเพื่อไทยยังคงมีกำลังใจดีและสามารถทำงานต่อไปได้ตามปกติ แม้ว่าบทบาทของอดีตนายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนไป
3. เสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน – ประชาชนสามารถเห็นว่าแม้ผู้มีบทบาทสำคัญในพรรคการเมืองจะถูกตัดสินโทษ แต่ระบบประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมยังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ
บทสรุป
เหตุการณ์ที่ นายทักษิณ ชินวัตรต้องเข้ารับโทษจำคุก 1 ปี ไม่เพียงแต่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองไทย แต่ยังสะท้อนถึง ความรับผิดชอบและความสง่างามของนักการเมือง ในการยอมรับกระบวนการยุติธรรม
นายภูมิธรรม เวชยชัย ชี้ชัดว่า พรรคเพื่อไทยยังคงแข็งแรง กำลังใจดี และเดินหน้าทำงานต่อไปอย่างไม่สะดุด สมาชิกพรรคทุกคนเข้าใจสถานการณ์และพร้อมทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ในขณะที่ประชาชนยังสามารถมั่นใจได้ว่า การเมืองไทยยังเดินหน้าตามกระบวนการกฎหมายและระบอบประชาธิปไตย
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของบุคคล แต่ยังเป็น ตัวอย่างของหลักการประชาธิปไตย การเคารพกฎหมาย และความเข้มแข็งของพรรคการเมือง ที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์






















