ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! “ทักษิณ” อดีตนายกฯ ติดคุก 1 ปี “แพทองธาร” ส่งกำลังใจไม่ขาด
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรก ถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี – “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร กอดให้กำลังใจพ่อ เผยครอบครัวมีกำลังใจดี
คดีชั้น 14 กับคำพิพากษาที่สังคมจับตา
วันที่ 9 กันยายน 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในสังคมและการเมืองไทย เมื่อมีคำสั่งให้นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี หลังจากที่การบังคับโทษก่อนหน้านี้ถูกพิจารณาว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย
ประเด็นสำคัญในคดีนี้อยู่ที่การที่นายทักษิณเข้าพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ต่อเนื่องเกือบ 6 เดือน โดยอ้างเหตุผลเรื่องปัญหาสุขภาพ ทั้งที่ตามความเห็นของศาลแล้ว โรคที่เป็นนั้นเป็นเพียงโรคเรื้อรังซึ่งสามารถรักษาได้ในฐานะผู้ป่วยนอก จึงไม่เข้าข่ายป่วยวิกฤตฉุกเฉินที่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
เมื่อการบังคับโทษไม่เป็นไปตามกฎหมาย ศาลจึงวินิจฉัยว่า ไม่สามารถนับระยะเวลาการพักรักษาตัวดังกล่าวมาเป็นการหักลดโทษได้ ส่งผลให้นายทักษิณต้องกลับมารับโทษจำคุก ต่ออีก 1 ปีเต็ม
พระราชอภัยโทษ – ลดโทษเหลือ 1 ปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายทักษิณได้รับ พระราชอภัยโทษ ทำให้โทษจำคุกเดิมถูกลดเหลือเพียง 1 ปี และคำพิพากษาในครั้งนี้จึงถือเป็นการบังคับให้เขาต้องกลับเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่จำกัด แต่ก็ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสนใจอย่างยิ่ง เพราะนี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่อดีตนายกรัฐมนตรีต้องรับโทษจำคุกอย่างเป็นทางการ
แพทองธาร – กอดพ่อให้กำลังใจ
ภายหลังศาลมีคำสั่งบังคับโทษ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็กของนายทักษิณ และอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ได้เข้าไปสวมกอดบิดาทันทีท่ามกลางสายตาของผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ เป็นภาพที่สะเทือนใจและถูกแชร์อย่างรวดเร็วในสื่อสังคมออนไลน์
เธอกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวมีกำลังใจดี และขอบคุณทุกกำลังใจที่ประชาชนส่งมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำว่า แม้คุณพ่อจะต้องเข้าสู่เรือนจำ แต่ในสายตาของครอบครัวและผู้สนับสนุน คุณพ่อยังคงเป็น “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ทางการเมือง
“ดิฉันเป็นห่วงคุณพ่อ แต่ก็ภูมิใจในสิ่งที่ท่านทำมาตลอด ท่านตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมืองและเพื่อประชาชน วันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง แม้อาจจะเป็นประวัติศาสตร์ที่หนักหน่วง แต่ครอบครัวและพรรคเพื่อไทยยังคงมีกำลังใจที่ดี และจะเดินหน้าทำงานเพื่อตรวจสอบรัฐบาลต่อไป” – แพทองธาร ชินวัตร
ทักษิณออกแถลงการณ์ – น้อมรับคำพิพากษา
ภายหลังจากคำตัดสิน ทีมงานของนายทักษิณได้เผยแพร่ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กแฟนเพจ ของเขา โดยมีใจความสำคัญว่า
นายทักษิณสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานอภัยโทษลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี
ขอน้อมรับคำพิพากษาในวันนี้ และพร้อมเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
ย้ำว่าตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี (พ.ศ. 2544 – 2549) เขามุ่งมั่นผลักดันนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ภาคภูมิใจที่ได้สร้างการเมืองแบบแข่งขันด้วยนโยบาย หรือที่เขาเคยเรียกว่า “ประชาธิปไตยที่กินได้”
แม้วันนี้จะไร้อิสรภาพ แต่ยังคงมีเสรีภาพทางความคิด และจะใช้ความคิดนั้นเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
ข้อความดังกล่าวได้รับการแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง และมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาให้กำลังใจ พร้อมทั้งแสดงความเคารพต่อการยอมรับในกระบวนการยุติธรรม
เสียงสะท้อนจากสังคม
คำพิพากษาครั้งนี้ได้สร้างกระแสความเห็นแตกออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน
ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า การบังคับโทษในครั้งนี้เป็นการยืนยันว่ากฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นใครหรืออยู่ในตำแหน่งสูงสุดเพียงใด
อีกฝ่ายหนึ่งมองว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการเมืองไทย และอาจเป็นเพียง “เกมการเมือง” ที่ยืดเยื้อมายาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นเสียงใด แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือ เหตุการณ์นี้จะถูกบันทึกเป็น หน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ไม่อาจลบเลือนได้
พรรคเพื่อไทยยังเดินหน้าต่อ
นอกจากครอบครัวแล้ว พรรคเพื่อไทยซึ่งมีความผูกพันแนบแน่นกับตระกูลชินวัตร ก็ออกมาแสดงจุดยืนว่า แม้ผู้นำครอบครัวต้องเผชิญชะตากรรมทางกฎหมาย แต่พรรคจะยังคงทำงานต่อไปในฐานะฝ่ายค้าน โดยเน้นตรวจสอบรัฐบาลและผลักดันประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
น.ส.แพทองธารยังยืนยันว่า สมาชิกพรรคทุกคนมีกำลังใจที่ดี และพร้อมทำงานต่อเพื่อให้สมกับความไว้วางใจจากประชาชน
ทักษิณในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี
นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนักการเมืองที่สร้างรอยประทับสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เขาเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2544 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องจนถึงปี 2549 ก่อนที่จะเกิดการรัฐประหาร
นโยบายที่เขาเคยผลักดัน เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, และโครงการ OTOP ยังคงถูกพูดถึงและได้รับการยกย่องว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในยุคนั้น
อย่างไรก็ดี หลังการรัฐประหารปี 2549 เขาต้องเผชิญกับการดำเนินคดีทางกฎหมายหลายคดี และในที่สุดก็มาถึงคดี “ชั้น 14” ที่ทำให้เขาต้องกลับเข้าคุกในวัยชรา
บทสรุป – ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 จะถูกบันทึกไว้ว่าเป็นวันที่อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยต้องกลับเข้าเรือนจำ แม้โทษจะถูกลดเหลือเพียง 1 ปี แต่ความหมายในเชิงสัญลักษณ์นั้นใหญ่หลวง เพราะสะท้อนถึงหลักการที่ว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย”
สำหรับครอบครัวและผู้สนับสนุน แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ภาพของแพทองธารที่เข้าไปกอดให้กำลังใจพ่อ แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและความรักที่มั่นคง ในขณะที่ตัวของนายทักษิณเองก็ยังคงยืนหยัดในฐานะ “นักการเมืองจากการเลือกตั้ง” ผู้เคยผลักดันนโยบายเพื่อประชาชน
แม้วันนี้เขาจะสูญเสียอิสรภาพ แต่คำกล่าวของเขาที่ว่า “ยังมีเสรีภาพทางความคิด” ก็นับเป็นการตอกย้ำว่า เรื่องราวของทักษิณ ชินวัตร ยังไม่จบ และยังคงเป็นบทที่สังคมไทยต้องเรียนรู้และถกเถียงกันต่อไป






















