ฮาแตก! อินฟลูฯเขมรโชว์ป๋า ทิ้งแบงก์ไทย 6,000 บาท คนไทยแซว "เพื่อชาติจัดเต็ม"
ดราม่าข้ามแดน! อินฟลูเอนเซอร์กัมพูชาทิ้งธนบัตรไทย 6,000 บาท สุดท้ายพบเป็น “ของปลอม” จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เดือด
วันที่ 8 กันยายน 2568 โลกออนไลน์ทั้งไทยและกัมพูชาต่างร้อนระอุ เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ชาวกัมพูชารายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก โดยในคลิปดังกล่าวเขาได้นำ ธนบัตรไทยมูลค่า 6,000 บาท มาทิ้งโชว์ลงพื้น พร้อมประกาศว่า
“ผมไม่สนใจว่ามันจะมีมูลค่าเท่าไร แต่หากเป็นการทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อพี่น้องชาวกัมพูชาของเรา ผมยินดีที่จะสละมัน”
ข้อความนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในโลกโซเชียล เพราะหากเทียบเป็นค่าเงินกัมพูชา 6,000 บาท จะมีมูลค่าถึง 750,938.67 เรียล ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินไม่น้อยสำหรับประชาชนทั่วไปในกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวกลับตาลปัตร เมื่อมีการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า ธนบัตรที่ถูกทิ้งทั้งหมดเป็นของปลอม!
จุดเริ่มดราม่า : การใช้ธนบัตรไทยเป็นสัญลักษณ์
การกระทำดังกล่าวของอินฟลูเอนเซอร์รายนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการทิ้งธนบัตรธรรมดา แต่แฝงด้วย ความหมายเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองและสังคม เพราะเขาประกาศชัดเจนว่าเป็น “การกระทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวกัมพูชา”
การโยนทิ้งเงินไทยจำนวนมากต่อหน้ากล้อง จึงถูกตีความในหลายมุมมอง เช่น
เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อ “ไม่เห็นค่าของเงินไทย”
เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของการเสียสละเพื่อบ้านเกิด
หรืออาจเป็นเพียง “คอนเทนต์เรียกยอดไลก์และยอดแชร์”
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คลิปนี้ก็กลายเป็นประเด็นร้อนทันที โดยเฉพาะในฝั่งไทยที่หลายคนมองว่าเป็นการ “ไม่ให้เกียรติ”
การตรวจสอบธนบัตร – ความจริงที่พลิกเกม
หลังคลิปดังกล่าวแพร่สะพัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญด้านธนบัตรได้เข้ามาตรวจสอบภาพนิ่งจากวิดีโอ ซึ่งทำให้พบความผิดปกติชัดเจนหลายจุดว่า ธนบัตรเหล่านี้ ไม่ใช่เงินจริง ได้แก่
1. หมวดอักษรและหมายเลขผิดปกติ
ธนบัตรปลอมมีตัวอักษรภาษาอังกฤษลอยแนบชิดกับครุฑ
ธนบัตรจริงของไทย หมวดอักษรภาษาอังกฤษจะอยู่ด้านข้างในแนวตั้ง
ข้างครุฑของธนบัตรจริงจะมีหมวดอักษรไทยและเลขไทยกำกับ
2. ลายน้ำไม่ตรงตามจริง
บนธนบัตรปลอมปรากฏลายน้ำเป็นรูปคล้าย “ขุนนางจีน”
แต่ธนบัตรจริงของไทยจะเป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระมหากษัตริย์
3. คุณภาพการพิมพ์ไม่เหมือนของจริง
ลวดลายหยาบและขาดความคมชัด
สีสันผิดเพี้ยน ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการพิมพ์ธนบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย
เมื่อข้อเท็จจริงนี้ถูกเปิดเผย กระแสสังคมก็พลิกจากความตกใจในตอนแรก กลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความน่าเชื่อถือของอินฟลูเอนเซอร์รายนี้
เสียงวิจารณ์จากชาวเน็ต
ฝั่งกัมพูชา
ชาวกัมพูชาบางส่วนชื่นชมว่า อินฟลูเอนเซอร์คนนี้ “กล้าหาญ” และ “รักชาติ” ที่ยอมสละเงินจำนวนมากเพื่อแสดงออก แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าเงินเป็นของปลอม กระแสชื่นชมก็แปรเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง หลายคนบอกว่าเขา หลอกลวงผู้ติดตามเพื่อสร้างกระแส เท่านั้น
ฝั่งไทย
ผู้ใช้โซเชียลไทยส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจตั้งแต่แรกที่เห็นคลิป เพราะมองว่าเป็นการ ดูหมิ่นเงินตราไทย และเมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่านั่นคือธนบัตรปลอม ยิ่งทำให้คนไทยมองว่าเป็นการกระทำที่ ไร้สาระ ไร้คุณค่า และตั้งใจสร้างดราม่า
มิติทางกฎหมาย – การใช้ธนบัตรปลอม
แม้ว่าธนบัตรดังกล่าวจะไม่ได้ใช้หมุนเวียนในประเทศไทย แต่การผลิตหรือครอบครองธนบัตรปลอมก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งในไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะเมื่อถูกนำมาใช้ในลักษณะ “สร้างภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ”
หากเป็นในประเทศไทย การผลิตหรือเผยแพร่ธนบัตรปลอมมีโทษทั้งจำคุกและปรับสูง
ในกัมพูชาเอง กฎหมายก็ระบุชัดว่าการครอบครองหรือใช้ธนบัตรปลอมถือว่าผิดกฎหมายเช่นกัน
แม้คลิปดังกล่าวจะยังไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินคดี แต่ก็เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ หากมีหลักฐานว่าธนบัตรปลอมถูกผลิตขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่ง
เบื้องหลังอินฟลูเอนเซอร์ – คอนเทนต์เรียกยอดวิว?
หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า อินฟลูเอนเซอร์รายนี้อาจไม่ได้มีเจตนาทางการเมืองที่ชัดเจน แต่เพียงแค่ต้องการสร้างคอนเทนต์ให้เป็นไวรัล เนื่องจากปัจจุบันวงการคอนเทนต์ออนไลน์แข่งขันสูง การสร้างกระแสให้ผู้ติดตามหันมาสนใจจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญของอินฟลูเอนเซอร์
“การทิ้งเงินปลอมต่อหน้ากล้อง อาจเป็นเพียงการสร้างดราม่าเพื่อเพิ่มยอดผู้ติดตาม แต่กลับส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในระยะยาว” – นักวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย
บทเรียนจากเหตุการณ์นี้
1. ศรัทธาและความเชื่อควรมาพร้อมกับสติ
ไม่ควรเชื่อสิ่งที่เห็นในโลกออนไลน์ทันที เพราะอาจถูกจัดฉากหรือสร้างขึ้นเพื่อเรียกกระแส
2. ความรับผิดชอบของอินฟลูเอนเซอร์
ผู้ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากควรตระหนักว่าทุกการกระทำมีผลต่อสังคม และอาจสร้างความเข้าใจผิดได้ง่าย
3. มิติทางกฎหมายและสังคม
การใช้ธนบัตรปลอมไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้จะเป็นเพียงคอนเทนต์ ก็อาจนำไปสู่การตรวจสอบและดำเนินคดีได้
สรุป
กรณีอินฟลูเอนเซอร์กัมพูชาทิ้งธนบัตรไทย 6,000 บาท กลายเป็นดราม่าข้ามแดนที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้เรื่องราวหนึ่งเรื่องกลายเป็นกระแสได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่าธนบัตรเหล่านั้นเป็น ของปลอม ก็ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามถึง เจตนาที่แท้จริง ของการกระทำครั้งนี้
ท้ายที่สุด เหตุการณ์นี้ไม่ได้เพียงเป็นประเด็นด้านความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทั้งผู้สร้างคอนเทนต์และผู้รับสาร ว่าการใช้โซเชียลมีเดียต้องมี ความรับผิดชอบ และต้องรู้เท่าทันข่าวสารในโลกดิจิทัล





















