ลือสนั่น! “ถั่วแระ” จ่อพา 4 นักร้องดังเข้าพบบิ๊กเต่า เพจดังแฉชื่อย่อผู้วิเศษ ทำวงการสะเทือน
คดีอดีตพระอลงกตยังไม่จบ! ถั่วแระ เชิญยิ้ม เข้าพบกองปราบให้ปากคำ ปมถูกพาดพิงโกงเงิน – จับตาหมอดูดังเสี่ยงโดนสอบเพิ่ม
คดีความของ อดีตพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมไทยให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า ในวันนี้จะมีนักร้องและศิลปินจำนวน 4 ราย รวมถึง ถั่วแระ เชิญยิ้ม ตลกชื่อดังระดับตำนาน วัย 72 ปี เดินทางมาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน
ถั่วแระ เชิญยิ้ม ถูกพาดพิงชื่อ – ต้องมาเคลียร์ปม “โกงเงิน”
ชื่อของ ถั่วแระ เชิญยิ้ม ถูกพาดพิงในประเด็นที่อดีตพระอลงกตกล่าวอ้างว่า เคยถูกนักดนตรีกลุ่มหนึ่งโกงเงินจำนวนมาก โดยมีการโอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการว่าจ้างแสดงวงออร์เคสตราขนาดใหญ่ ซึ่งค่าจ้างการแสดงแต่ละครั้งอาจสูงถึง กว่า 400,000 บาท
เรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด เพื่อหาความจริงว่าเป็นการโกงจริงหรือเป็นเพียงการอ้างอิงที่คลาดเคลื่อน ขณะที่กลุ่มนักดนตรีและศิลปินที่ถูกพาดพิง รวมถึงถั่วแระเอง ต่างต้องเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพื่อเคลียร์ข้อเท็จจริงให้กระจ่าง
คำให้สัมภาษณ์เก่า – ถั่วแระยังเคารพอดีตพระอลงกต
ย้อนกลับไปเมื่อราว 3 สัปดาห์ก่อน ถั่วแระ เชิญยิ้ม เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยแสดงท่าทีสงสารอดีตพระอลงกต พร้อมย้ำว่า “ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก” แต่โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าอดีตพระเจ้าอาวาสรูปนี้ “ถูกมากกว่าผิด”
ถั่วแระเล่าว่าในอดีตเคยทำงานใกล้ชิดกับพระอลงกตอยู่หลายปี โดยตนเองเคยดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมเชียร์ไทย ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตพระอลงกต ในกิจกรรม “ชม ช็อป ชิม เชียร์ ช่วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” หลังจากนั้นแม้จะลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมศิลปินตลก แต่ก็ยังคงทำงานรับใช้และช่วยเหลือพระอลงกตมาโดยตลอด
ถั่วแระยังยืนยันว่า อดีตพระอลงกตเป็นพระนักพัฒนา พระผู้ให้ และเป็นพระปฏิบัติที่มีเมตตาต่อศิลปินและผู้คนรอบข้าง สิ่งที่ตนเองสัมผัสมาตลอดคือการทำงานอย่างมีระบบ มีหลักฐานรองรับทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเบิกจ่ายเงินต่างๆ ล้วนมีการตรวจสอบอย่างรัดกุม
ประเด็นการเงินและการบริจาค – จุดที่สังคมตั้งคำถาม
แม้ถั่วแระและผู้ใกล้ชิดหลายคนจะออกมายืนยันว่า การเงินภายในวัดและการบริจาคต่างๆ มีหลักฐานรองรับทั้งหมด แต่กระแสสังคมยังคงตั้งคำถาม เพราะในคดีนี้มีการพูดถึง “เส้นเงิน” ที่ถูกโอนจริง จึงทำให้พนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบว่ามีการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่องค์กรศาสนามีการรับบริจาคในวงเงินมหาศาล ความโปร่งใสและการตรวจสอบย่อมเป็นสิ่งที่สังคมคาดหวัง เพราะหากมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนในวงกว้างได้
ถั่วแระย้ำ – ศาสนาไม่ได้เสื่อม คนต่างหากที่ทำให้เสื่อม
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถั่วแระกล่าวไว้และถูกนำไปแชร์ต่อจำนวนมากก็คือ มุมมองต่อศาสนา เจ้าตัวบอกว่า
“อย่าหมดศรัทธากับศาสนา ศาสนาไม่ได้ทำให้เสื่อม แต่เป็นบุคคลหรือคนรอบข้างเท่านั้นเองที่ทำให้ศาสนาเสื่อม ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี”
ถ้อยคำนี้กลายเป็นสิ่งที่หลายคนนำมาเป็นข้อคิด เพราะแม้บุคคลใดบุคคลหนึ่งอาจมีข้อผิดพลาด แต่ไม่ควรเหมารวมไปถึงทั้งศาสนา ซึ่งควรแยกแยะให้ชัดเจน
ขยายผล – กองปราบเล็งตรวจสอบ “ผู้วิเศษและหมอดูดัง”
นอกจากคดีอดีตพระอลงกตแล้ว ความเคลื่อนไหวล่าสุดยังมีรายงานว่า กองปราบปราม ได้รับคำสั่งให้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “หมอดู” และ “ผู้วิเศษ” ที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศ เพื่อพิจารณาว่ามีการเข้าข่าย หลอกลวงประชาชน หรือไม่
ในช่วงที่ผ่านมา มีหลายกรณีที่หมอดูออกมาทำนายเหตุการณ์ใหญ่ เช่น แผ่นดินไหว หรือภัยพิบัติ ซึ่งไม่ตรงกับความจริงและอาจทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตรวจสอบได้โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน
นอกจากนี้ ยังมีกรณีของ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ ที่ถูกจับตามองว่าอาจเข้าข่ายสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณะ ขณะที่ อาจารย์เจน ญาณทิพย์ ก็ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเว็บไซต์ของเจ้าตัวได้ปิดตัวลงอย่างกะทันหัน โดยยังไม่มีการชี้แจงสาเหตุใดๆ
ทำไมสังคมจึงจับตามองกรณีนี้อย่างใกล้ชิด?
1. เกี่ยวพันกับบุคคลที่เคยมีชื่อเสียงด้านศาสนา – อดีตพระอลงกตเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักพัฒนา ทำงานด้านช่วยเหลือผู้ป่วย HIV/AIDS ที่วัดพระบาทน้ำพุ การที่ตกเป็นข่าวคดีจึงสร้างแรงสะเทือนใจแก่ศรัทธาของชาวพุทธจำนวนมาก
2. พาดพิงศิลปินชื่อดัง – การมีชื่อถั่วแระ เชิญยิ้ม และนักดนตรีวงใหญ่ถูกพาดพิง ทำให้คดีนี้ยิ่งถูกสื่อและประชาชนจับตามอง
3. เกี่ยวข้องกับการเงินจำนวนมาก – เมื่อมีการพูดถึงเงินค่าจ้างหลักหลายแสนบาท รวมถึงการบริจาคและเส้นทางการเงินที่ซับซ้อน ย่อมเป็นประเด็นที่สังคมสนใจตรวจสอบ
4. เชื่อมโยงกับหมอดูและความเชื่อเหนือธรรมชาติ – การที่กองปราบเตรียมตรวจสอบหมอดูหลายราย สะท้อนให้เห็นว่าคดีนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในแวดวงศาสนา แต่ยังลามไปถึงความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก
บทเรียนสำคัญ – ตั้งสติ อย่าหลงงมงาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องฝากเตือนประชาชนว่า การบริจาคหรือการศรัทธาต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ควรใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ หากมีข้อสงสัยควรตรวจสอบหลักฐาน ไม่ควรเชื่อเพียงเพราะคำพูดหรือชื่อเสียง เพราะหลายครั้งที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อของความศรัทธาที่ผิดทาง
บทสรุป
คดีของอดีตพระอลงกตยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อมีบุคคลในแวดวงบันเทิงอย่าง ถั่วแระ เชิญยิ้ม เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะพยาน ซึ่งเจ้าตัวก็พร้อมให้ข้อมูลและยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ขณะเดียวกันกองปราบก็ขยายผลตรวจสอบไปยังหมอดูและผู้วิเศษทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลอกลวงประชาชน
สิ่งที่สังคมควรตระหนักจากกรณีนี้ก็คือ การแยกแยะ “ศาสนา” ออกจาก “บุคคล” เพราะศาสนายังคงสอนให้คนเป็นคนดีเสมอ ความเสื่อมเกิดขึ้นจากการกระทำของคน ไม่ใช่จากหลักธรรมแต่อย่างใด และในฐานะประชาชน เราควรใช้สติและวิจารณญาณก่อนศรัทธาหรือมอบความไว้วางใจให้ใคร




















