รู้จัก 3 รัฐมนตรีคนนอก “ครม.อนุทิน 1” โปรไฟล์หรู ดีกรีไม่ธรรมดา
"อนุทิน ชาญวีรกูล" เปิดตัว 3 รัฐมนตรีคนนอก โปรไฟล์หรู! นำทีม ครม. ใหม่ หวังสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ–ความมั่นคงไทย
ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความท้าทาย หลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย ได้มีการเปิดเผยรายชื่อทีมคณะรัฐมนตรีที่จะเข้ามากำกับดูแลกระทรวงสำคัญ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัว 3 รัฐมนตรีคนนอก ที่มีดีกรีไม่ธรรมดาและเป็นที่จับตามองของทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน ได้แก่
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่ รมว.คลัง
นายสิหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.การต่างประเทศ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่ รมว.พลังงาน
การเลือกบุคคลเหล่านี้สะท้อนชัดเจนถึงหลักเกณฑ์ของนายอนุทิน ที่ต้องการ “มืออาชีพ” ที่สามารถทำงานได้ทันที มีประสบการณ์สูง และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลใหม่นี้พร้อมเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
1. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ – ว่าที่ขุนคลัง "ลูกหม้อคลัง" ตัวจริง
ประวัติและการศึกษา
นายเอกนิติ เกิดปี 2514 ปัจจุบันอายุ 54 ปี ถือเป็น “ลูกหม้อ” ของกระทรวงการคลังที่ผ่านงานใหญ่แทบทุกด้าน การศึกษาโดดเด่นระดับสากล
ปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ จาก Claremont Graduate University, สหรัฐฯ (ทุน ก.พ.)
ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ จาก University of Illinois at Urbana-Champaign, สหรัฐฯ (ทุน ก.พ.)
ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เส้นทางราชการ
นายเอกนิติเริ่มต้นจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก่อนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญมากมาย เช่น
อธิบดีกรมธนารักษ์ (ปัจจุบัน)
อธิบดีกรมสรรพากร
อธิบดีกรมสรรพสามิต
ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)
โฆษกกระทรวงการคลัง
อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจการคลัง ประจำสหราชอาณาจักรและยุโรป
ประสบการณ์ภาคเอกชน
ประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb)
อดีตประธานกรรมการ การบินไทย และ ธนาคารกรุงไทย
กรรมการ ปตท.สผ.
จุดแข็ง
นายเอกนิติเป็นข้าราชการที่ขึ้นตรงสายการเงินอย่างแท้จริง เข้าใจกลไกงบประมาณ–รายได้ของรัฐ และยังมีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเหมาะสมต่อการรับมือกับโจทย์ใหญ่เรื่องเสถียรภาพเศรษฐกิจ ค่าเงินบาท และการคลังของประเทศ
2. นายสิหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว – นักการทูตมืออาชีพ สู่เก้าอี้ “บัวแก้ว”
ประวัติและการศึกษา
นายสิหศักดิ์ เกิด 21 ธันวาคม 2500 ปัจจุบันอายุ 67 ปี เป็นนักการทูตอาชีพที่เริ่มต้นชีวิตราชการตั้งแต่ปี 2522
ปริญญาโท รัฐศาสตร์ จาก Johns Hopkins University, สหรัฐฯ
ปริญญาตรี รัฐศาสตร์ (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เส้นทางนักการทูต
นายสิหศักดิ์เป็นหนึ่งในนักการทูตไทยที่มีบทบาทสูงสุดในเวทีโลก ผ่านตำแหน่งสำคัญ อาทิ
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส โตเกียว และนครเจนีวา
ประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) – ชาวเอเชียคนแรก
อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (ในเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยที่พนมเปญ ปี 2546)
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ (รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน)
จุดแข็ง
นายสิหศักดิ์มีชื่อเสียงด้านความสามารถเจรจาในเวทีโลก และได้รับการยอมรับจากต่างชาติอย่างกว้างขวาง ทำให้การเข้ามาดูแล กระทรวงการต่างประเทศ มีความหวังว่าจะช่วยยกระดับบทบาทของไทยในภูมิภาคและเวทีโลกอีกครั้ง
3. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ – “ลูกหม้อ ปตท.” คุมพลังงาน
ประวัติและการศึกษา
นายอรรถพล เกิด 19 กรกฎาคม 2508 อายุ 60 ปี เป็นผู้ที่เติบโตจากสายงานวิศวกรรมและการบริหารพลังงานโดยตรง
ปริญญาโท พัฒนาการเศรษฐกิจ จากสถาบัน NIDA
ปริญญาตรี วิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เส้นทางใน ปตท.
ทำงานใน ปตท. มากว่า 35 ปี ผ่านตำแหน่งสำคัญในทุกสายงาน จนก้าวขึ้นเป็น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) คนที่ 10 ของ ปตท. (ปี 2563–2567)
ผลงานเด่น
พา ปตท. ผ่านวิกฤตโควิด-19 และความผันผวนของราคาพลังงานโลก
วางวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” เน้นพลังงานสะอาดและอนาคต
ผลักดันการแยกธุรกิจน้ำมันออกมาเป็น OR และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สำเร็จ
ได้รับรางวัล CEO of the Year จาก “กรุงเทพธุรกิจ” 2 ปีซ้อน (2564–2565)
จุดแข็ง
นายอรรถพลเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง สามารถผลักดันนโยบายด้านพลังงานสะอาด และการปรับตัวของไทยต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานโลก
วิเคราะห์การเมืองและเศรษฐกิจ
การเลือก 3 รัฐมนตรีคนนอก ครั้งนี้ของนายอนุทิน มีความหมายในหลายมิติ
1. สร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย – การมีขุนคลังที่เป็น “ลูกหม้อคลัง” อย่างเอกนิติ และผู้เชี่ยวชาญพลังงานอย่างอรรถพล จะช่วยเสริมเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ–การเงินของประเทศ
2. ยกระดับบทบาทไทยในเวทีโลก – การมีอดีตปลัดต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับอย่างสิหศักดิ์ จะช่วยเสริมภาพลักษณ์การทูต และเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาประชาคมโลก
3. ตอบโจทย์สังคมและภาคธุรกิจ – ทั้งสามคนมีโปรไฟล์ที่ทำงานได้ทันที ลดแรงเสียดทานทางการเมือง และสร้างภาพลักษณ์ว่ารัฐบาลนี้เน้น “ผลงาน” มากกว่า “การเมืองภายใน”
บทสรุป
การเปิดตัว 3 รัฐมนตรีคนนอก โดยนายอนุทิน ถือเป็นสัญญาณสำคัญว่ารัฐบาลใหม่กำลังวางรากฐานความเชื่อมั่น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และพลังงาน บุคคลที่ได้รับเลือกต่างมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในสายงานของตน
คำถามสำคัญต่อจากนี้คือ ทั้งสามจะสามารถเปลี่ยนวิกฤตของประเทศให้เป็นโอกาสได้หรือไม่? และรัฐบาลอนุทินจะใช้จุดแข็งของพวกเขาอย่างไรในการพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ท่ามกลางการแข่งขันและความท้าทายของโลกยุคใหม่






















