ภาพชัด! “ทักษิณ” ถึงสนามบินดอนเมือง เตรียมขึ้นศาลใหญ่คดีชั้น 14
เปิดภาพ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินออกจากสนามบินดอนเมือง หลังบินกลับจากดูไบต่อสิงคโปร์ เตรียมขึ้นศาลคดีโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 พรุ่งนี้
ในช่วงบ่ายของวันที่ 8 กันยายน 2568 สังคมการเมืองไทยกลับมาจับตาอีกครั้ง เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว Bombardier Global 7500 เที่ยวบินพิเศษ T7GTS หลังออกเดินทางจาก ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแวะต่อเครื่องที่ สิงคโปร์ ก่อนที่จะลงจอด ณ สนามบินดอนเมือง เวลาประมาณ 14.54 น.
ภาพจากเพจเฟซบุ๊กของ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เผยให้เห็นวินาทีที่นายทักษิณก้าวออกจากอาคารผู้โดยสารในเขต Mjet สนามบินดอนเมือง โดยเจ้าตัวยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ที่มารอต้อนรับ ก่อนจะขึ้นรถยนต์ Mercedes-Benz ทะเบียน พร 195 ออกจากสนามบินทันที โดยไม่ได้หยุดให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ปักหลักรอรายงานสถานการณ์อยู่ด้านนอกแต่อย่างใด
เส้นทางการบินและรายละเอียดของเครื่องบินส่วนตัว
เที่ยวบินที่นายทักษิณเลือกใช้ในครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวรุ่นหรูระดับโลกอย่าง Bombardier Global 7500 ที่มีสมรรถนะการบินสูง สามารถบินได้ไกลกว่า 14,000 กิโลเมตรโดยไม่ต้องแวะเติมน้ำมัน รองรับผู้โดยสารได้ราว 14–19 คน ขึ้นอยู่กับการจัดที่นั่ง และมีความหรูหราระดับ 5 ดาว มีห้องนอน ห้องครัว และพื้นที่ทำงานครบครัน
การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่ ดูไบ เมืองที่ถือเป็นที่พำนักของนายทักษิณในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะแวะพักที่สิงคโปร์ในช่วงสั้น ๆ และกลับเข้าสู่ไทย โดยมีรายงานว่าบนเครื่องบินลำดังกล่าวมีผู้โดยสารรวม 8 คน แบ่งเป็นลูกเรือ 3 คน และผู้โดยสาร 5 คน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าใครบ้างที่ร่วมเดินทางมาด้วย
บรรยากาศที่สนามบินดอนเมืองเต็มไปด้วยการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ขณะที่ผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักต่างจับตาเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่นายทักษิณเดินทางกลับไทย หลังจากก่อนหน้านี้ต้องรักษาตัวและพักผ่อนต่างประเทศ
เมื่อเดินออกจากสนามบิน นายทักษิณมีสีหน้าเรียบเฉย ท่าทีสุขุมตามสไตล์ ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่เล็กน้อยก่อนก้าวขึ้นรถยนต์หรูที่มารับออกไปทันที โดยไม่มีคำพูดหรือการให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน
การเลือกใช้รถยนต์ Mercedes-Benz ทะเบียน พร 195 ก็กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกจับตา เนื่องจากเป็นทะเบียนที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางในเวลาอันสั้น
สิ่งที่ทำให้การเดินทางกลับไทยครั้งนี้ของนายทักษิณเป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง ก็คือกำหนดการในวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่เจ้าตัวจะต้องเดินทางไปขึ้นศาลอาญาในคดี “โรงพยาบาลตำรวจ” บริเวณชั้น 14
คดีดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานและการใช้อำนาจรัฐในช่วงที่นายทักษิณยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นที่สนใจของทั้งสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป เนื่องจากเกี่ยวพันกับข้อกล่าวหาหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองของเจ้าตัว
การปรากฏตัวที่ศาลครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ไม่เพียงแต่สำหรับเส้นทางทางกฎหมายของนายทักษิณ แต่ยังรวมถึงสมการทางการเมืองไทยที่อาจเปลี่ยนไปตามท่าทีและผลลัพธ์ของคดีนี้ด้วย
ทำไมการเดินทางกลับไทยของ “ทักษิณ” ถึงสำคัญ?
แม้ว่านายทักษิณจะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานานกว่าทศวรรษ แต่ชื่อของเขายังคงมีอิทธิพลในทางการเมืองไทยอย่างลึกซึ้ง ทั้งในแง่ของฐานมวลชนที่ยังเหนียวแน่น และบทบาทเบื้องหลังในพรรคการเมืองใหญ่
ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศ การให้สัมภาษณ์ หรือแม้กระทั่งการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย ก็มักจะกลายเป็นข่าวใหญ่และมีผลต่อบรรยากาศการเมืองเสมอ
ดังนั้น การกลับมาไทยในครั้งนี้จึงถูกตีความในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น มิติทางกฎหมาย ที่เจ้าตัวต้องสู้คดีในศาล, มิติทางการเมือง ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในประเทศ และ มิติทางสังคม ที่ประชาชนยังคงแบ่งฝักแบ่งฝ่ายต่อบทบาทและการกระทำของนายทักษิณ
หลังจากภาพของนายทักษิณถูกเผยแพร่โดยช่อง 3 ไม่นาน โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยการพูดถึงและแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับเส้นทางการเมืองในอนาคตของเขา บางส่วนคาดการณ์ว่านายทักษิณอาจกลับมาเล่นการเมืองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ขณะที่อีกกลุ่มยังคงวิจารณ์และตั้งข้อสงสัยต่อพฤติกรรมที่ผ่านมา
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทั้งเฟซบุ๊ก, X (ทวิตเตอร์), TikTok และ Instagram เต็มไปด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เช่น #ทักษิณกลับไทย #ดอนเมือง #BombardierGlobal7500 จนกลายเป็นเทรนด์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
การกลับมาครั้งนี้ของนายทักษิณอาจก่อให้เกิดผลกระทบหลายประการ เช่น
1. แรงสั่นสะเทือนในพรรคการเมืองใหญ่
ฐานเสียงของพรรคที่มีความเกี่ยวข้องกับนายทักษิณอาจกลับมาแข็งแรงขึ้น เนื่องจากการปรากฏตัวของเขาสร้างขวัญกำลังใจให้กับมวลชน
2. แรงกดดันต่อรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองย่อมใช้โอกาสนี้เพื่อตั้งคำถามและโจมตีเชิงสัญลักษณ์ ในขณะที่รัฐบาลก็ต้องบริหารจัดการไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
3. ภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรม
สังคมกำลังจับตาว่าศาลจะตัดสินคดีอย่างไร และการดำเนินคดีครั้งนี้จะสร้างความเชื่อมั่นหรือข้อกังขาต่อกระบวนการยุติธรรมไทยมากน้อยเพียงใด
ภาพการเดินออกจากสนามบินดอนเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 8 กันยายน 2568 ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ธรรมดาของการเดินทาง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการกลับมาสู่เวทีการเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
ในวันพรุ่งนี้ 9 กันยายน 2568 สายตาของทั้งสังคมจะจับจ้องไปที่ศาลอาญา ชั้น 14 เพื่อรอดูท่าทีและคำพิพากษาในคดีโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งไม่เพียงแต่จะกำหนดชะตากรรมของนายทักษิณ แต่ยังอาจสะเทือนต่อโครงสร้างทางการเมืองของประเทศไทยทั้งระบบ






















