แรงงานไทยเก็บเบอร์รี่ในฟินแลนด์กว่า 60 คน ถูกเอาเปรียบหนัก เสี่ยงเข้าข่ายค้ามนุษย์
เมื่อครู่นี้ ดิฉันไถ่ฟีดในเฟซบุ๊กแล้วเจอข่าวหนึ่งเกี่ยวกับแรงงานไทยในต่างประเทศ ซึ่งเห็นว่ามีความสำคัญและควรได้รับความสนใจอย่างยิ่ง
จากรายงาน สหภาพคนทำงานต่างประเทศแห่งประเทศไทย (MWUT) เผยว่า แรงงานไทยกว่า 60 คน ที่ไปเก็บเบอร์รี่ในประเทศฟินแลนด์ ถูกเอาเปรียบอย่างรุนแรง ทำงานเกิน 8 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด และไม่ได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ บางคนต้องอยู่ในที่พักแคบและแออัด หากเจ็บป่วยก็ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม บางกรณีถูกยึดพาสปอร์ต ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือขอความช่วยเหลือได้
ล่าสุด ศาลแขวงแลปแลนด์ได้ตัดสินจำคุก CEO ของบริษัท Kiantama ผู้ประสานงานชาวไทย และสั่งให้ชดเชยค่าเสียหายรวมกว่า 22.5 ล้านบาทแก่แรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบ
นางอรนุช ผลภิญโญ จาก MWUT กล่าวว่า ปัญหานี้สะท้อนถึงการค้ามนุษย์และการกดขี่แรงงานไทยในต่างประเทศมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2556 แรงงานไทยต้องเผชิญกับสัญญาที่ผูกมัดเป็นหนี้ก่อนเดินทาง ทั้งค่าดำเนินการ ค่าวีซ่า และค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อไปถึงกลับต้องทำงานเกินเวลาที่ตกลง บางครั้งต้องทำงานวันละ 12–20 ชั่วโมง และไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ควรจะเป็น
สหภาพจึงเรียกร้องให้การจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศเป็นแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) เพื่อป้องกันนายหน้าเอาเปรียบ และอยากให้รัฐปรับปรุงกฎหมายและกองทุนช่วยเหลือแรงงานให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
ดิฉันเห็นว่าประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องแรงงานไทย หากเราไม่ให้ความสนใจหรือไม่มีมาตรการรองรับที่เหมาะสม ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงเกิดขึ้น






