เดือด! แฟนบอลไทยรุมสาปแข้งเบอร์ 10 อิรัก อิชิอิ ตอกแรง “ชั้นต่ำ”

มาซาดะ อิชิอิ จวกนักเตะเบอร์ 10 อิรักไร้คลาส หลังเกมคิงส์คัพครั้งที่ 51 จบ ไทยพ่าย 0-1

หลังจบการแข่งขัน คิงส์คัพ ครั้งที่ 51 ที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ผ่านมา เกมรอบชิงชนะเลิศกลับกลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์และสื่อกีฬา หลังทีมชาติไทยพ่ายให้กับทีมชาติอิรัก 0-1 จากประตูชัยของ โมฮานัด อาลี ในนาทีที่ 75 ของการแข่งขัน โดยแม้ว่าเกมนี้ทีมไทยจะทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนสนาม กลับสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งแฟนบอลและทีมสตาฟฟ์ไทย

 

เกมรอบชิงชนะเลิศ: ไทยพ่ายอิรัก 0-1

การแข่งขันคิงส์คัพครั้งที่ 51 เป็นศึกที่แฟนบอลไทยรอคอย ด้วยความคาดหวังในการ ป้องกันแชมป์ หลังจากคว้าแชมป์ในปีที่ผ่านมา แต่เกมนัดชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยต้องพบกับความท้าทายอย่างหนัก เมื่อ ทีมชาติอิรัก สามารถยิงประตูชัยจาก โมฮานัด อาลี ในนาทีที่ 75 ของการแข่งขัน ทำให้ไทยพ่ายไป 0-1

แม้ว่าอิรักจะคว้าแชมป์ไปครอง แต่เกมนี้ไม่ราบรื่นสำหรับทีมเยือนเช่นกัน เนื่องจากอิรักต้องเหลือผู้เล่นในสนามเพียง 9 คน หลังจากที่นักเตะสองราย ได้แก่ ฟรานส์ ปูโตรส ทำฟาวล์หนักใส่ สุภโชค สารชาติ จนโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่กลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดคือการเข้าสกัดของ โมฮานัด อาลี ใส่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทีมชาติไทย ซึ่งการเข้าบอลแบบนอกเกมนี้ ทำให้เกิด ความชุลมุนบนสนาม ผู้ตัดสินต้องออกใบแดงไล่อาลีออกจากสนามทันที

ปฏิกิริยานักเตะและแฟนบอลไทย

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ นักเตะทีมชาติไทยหลายคนไม่พอใจอย่างมาก โดยเฉพาะชนาธิปที่ต้องเผชิญกับการเข้าบอลที่รุนแรงของคู่แข่ง ขณะที่แฟนบอลช้างศึกก็ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของนักเตะอิรัก โดยเฉพาะการกระทำของ โมฮานัด อาลี ซึ่งเข้าข่าย เล่นนอกเกมและไร้ความเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

หลังจบเกม ไทยต้องพลาดโอกาสป้องกันแชมป์คิงส์คัพ แต่ยังได้รับ เงินปลอบใจจำนวน 1 ล้านบาท ขณะที่ทีมชาติอิรัก คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากปี 2023 โดยทีมอิรักเลือก ยกเลิกงานแถลงข่าวหลังจบเกม และเดินทางกลับที่พักทันที

มาซาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชทีมชาติไทย จวกนักเตะอิรัก

หลังจบเกม มาซาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเตะอิรัก โดยเฉพาะ เบอร์ 10 ของทีมอิรัก ว่าไม่สมควรจะมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

"สำหรับจังหวะของชนาธิป ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดการเข้าสกัดแบบนี้ สิ่งที่คู่แข่งแสดงออกมา มันเป็นการกระทำขั้นต่ำมาก นักบอลอาชีพเขาไม่ทำกัน และมันไม่ควรจะเกิดขึ้น"

อิชิอิกล่าวเสริมว่าการกระทำเช่นนี้ ทำลายการแข่งขันและความยุติธรรมในสนาม และสร้างความไม่พอใจให้กับนักฟุตบอลทีมไทย

 

บทวิเคราะห์ของมาซาดะ อิชิอิ ต่อเกม

โค้ชทีมชาติไทยยังได้ให้มุมมองเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับเกมการแข่งขันว่า

 "ครึ่งแรกเรารับเยอะเกินไป ครึ่งหลังเราทำได้ดีขึ้น ถ้ามองถึงผลแข่งขันอาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่รายละเอียดเกมทุกคนทำงานกันอย่างหนัก แฟนบอลที่ดูในสนามหรือทางโทรทัศน์น่าจะเห็นถึงความมุ่งมั่นของนักกีฬาทุกคน"

อิชิอิยังกล่าวถึงความสำคัญของ แฟนบอลและสื่อมวลชน ว่าไม่ใช่แค่ทีมสตาฟฟ์หรือผู้เล่นที่ต้องการไปฟุตบอลโลกเท่านั้น แต่แฟนบอลและสื่อก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงสนับสนุนให้กับทีมชาติ

"เวลาเราเจอทีมที่ดีกว่า ครึ่งแรกยังทำได้ดีเรื่องบอลโด่ง แต่ครึ่งหลัง ช่วงเสี้ยววินาทีถ้าเราพลาด จะเสียประตูได้เลย"

ผลการแข่งขันและสถานการณ์นักเตะอิรัก

เกมนี้ถือว่า เข้มข้นและมีความตึงเครียดสูง เนื่องจากนักเตะอิรักหลายคนมี ฟาวล์หนักและเกินความจำเป็น ทำให้ต้องถูกไล่ออกจากสนาม

ฟรานส์ ปูโตรส ทำฟาวล์หนักใส่ สุภโชค สารชาติ โดนใบแดง

โมฮานัด อาลี เข้าสกัดนอกเกมใส่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จนโดนใบแดง

แม้จะเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน ทีมชาติอิรักยังสามารถรักษาความได้เปรียบและคว้าชัยชนะ 1-0

เหตุการณ์นี้ทำให้แฟนบอลช้างศึกหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของนักเตะอิรักอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้ สมาคมฟุตบอลอิรักควบคุมพฤติกรรมของนักเตะ

 

ไทยพลาดป้องกันแชมป์ แต่ทีมยังแสดงความมุ่งมั่น

แม้ว่าผลการแข่งขันจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายของไทย แต่ ความพยายามของนักเตะไทย ถูกยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะใน ครึ่งหลังของเกม ที่ทีมไทยเริ่มปรับแท็กติกและทำเกมได้ดีขึ้น

การพลาดประตูในช่วงท้ายเกมเกิดจาก ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในเสี้ยววินาที ทำให้ไทยเสียประตู และพลาดโอกาสป้องกันแชมป์คิงส์คัพ

บทสรุป

การแข่งขัน คิงส์คัพ ครั้งที่ 51 จบลงด้วยการที่ ทีมชาติไทยพ่ายอิรัก 0-1 แต่เหตุการณ์ในสนามกลับกลายเป็นประเด็นร้อน หลังจากที่ นักเตะอิรักกระทำการนอกเกมใส่นักเตะไทย

มาซาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชไทยได้จวกนักเตะอิรักว่า ไร้คลาสและไม่สมควรเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

แม้ไทยพ่ายแพ้ แต่แฟนบอลเห็นถึง ความมุ่งมั่นและความพยายามของนักกีฬาไทย

เหตุการณ์นี้สะท้อนถึง ความเข้มข้นของการแข่งขันและความสำคัญของวินัยในกีฬา

สำหรับแฟนบอลไทย การแข่งขันครั้งนี้ยังคงเป็น บทเรียนสำคัญ ทั้งด้านการเล่นอย่างมีวินัยและการควบคุมอารมณ์ในสนาม เพื่อเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันในระดับนานาชาติครั้งต่อไป