"ฮุน มาเนต ส่งสารยินดี 'อนุทิน' นั่งนายกฯ คนใหม่ หวังฟื้นสัมพันธ์สันติภาพ ไทย-กัมพูชา"
ฮุน มาเนต ส่งสาส์นยินดี อนุทิน นายกฯ คนที่ 32 ของไทย ย้ำหวังฟื้นความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา พร้อมเปลี่ยนพรมแดนร่วมเป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและการพัฒน
วันที่ 7 กันยายน 2568 โลกการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อ สมเด็จมหามารธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงความยินดีต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้รับตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของราชอาณาจักรไทย
ข้อความดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นคำอวยพรในฐานะมิตรประเทศเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และท่าทีทางการทูตของกัมพูชาต่อไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ผู้นำกัมพูชาได้เน้นย้ำว่า ต้องการ ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ และเปลี่ยนพื้นที่พรมแดนร่วมให้เป็น พรมแดนแห่งสันติภาพ ความร่วมมือ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
ถ้อยแถลงจาก ฮุน มาเนต: ความไว้วางใจต่อผู้นำใหม่ของไทย
ในสาส์นแสดงความยินดี ฮุน มาเนต ได้กล่าวถึงชัยชนะของ นายอนุทิน ว่าเป็น "ชัยชนะที่ถล่มทลาย" และเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึง ความไว้วางใจอันมั่นคงที่ประชาชนมีต่อภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีไทยคนใหม่
ฮุน มาเนต ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาเชื่อมั่นว่าภายใต้ภาวะผู้นำที่ “เฉลียวฉลาดและเปี่ยมความสามารถ” ของนายอนุทิน ประเทศไทยจะสามารถบรรลุความก้าวหน้าที่สำคัญและยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ไทย–กัมพูชา: เพื่อนบ้านร่วมอาเซียนที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ฮุน มาเนต ได้ชี้ให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ทางภูมิศาสตร์และการเมือง โดยย้ำว่าไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิดกันและยังเป็นสมาชิก อาเซียน (ASEAN) ร่วมกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทย–กัมพูชาในอดีตมักมีทั้ง ช่วงเวลาของความร่วมมือ และ ช่วงเวลาของความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง หรือแม้แต่ประเด็นละเอียดอ่อนอย่าง ข้อพิพาทพรมแดน โดยเฉพาะในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารและพื้นที่ชายแดนบางส่วน
การที่ผู้นำกัมพูชาพูดถึงการ "ฟื้นฟูความสัมพันธ์" และ "สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน" จึงสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะลดความตึงเครียด และหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาร่วมกัน
มุมมองของกัมพูชาต่ออนาคตชายแดน
หนึ่งในข้อความที่โดดเด่นที่สุดในสาส์นของฮุน มาเนต คือการแสดงความหวังที่จะ เปลี่ยนพรมแดนร่วมของทั้งสองประเทศให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและการพัฒนา
ที่ผ่านมา พรมแดนไทย–กัมพูชา มักถูกมองว่าเป็นจุดเปราะบางทางความมั่นคงและการเมือง แต่ในอีกมุมหนึ่ง พื้นที่นี้ก็เป็น โอกาสทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน เนื่องจากชายแดนทั้งสองประเทศมีการเชื่อมโยงระหว่างผู้คน วัฒนธรรม และเศรษฐกิจท้องถิ่นมายาวนาน
หากแนวทางที่ฮุน มาเนต พูดถึงสามารถเกิดขึ้นจริง จะช่วยยกระดับชายแดนไทย–กัมพูชาให้กลายเป็น พื้นที่แห่งการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ และ สัญลักษณ์ของความร่วมมือในอาเซียน
ความคาดหวังจากประชาชนทั้งสองประเทศ
นอกจากการเมืองระดับผู้นำแล้ว ประชาชนทั้งสองประเทศก็เฝ้ามองความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ด้วยความคาดหวัง
ด้านเศรษฐกิจ: การค้าชายแดนไทย–กัมพูชามีมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยเอื้อให้การค้าการลงทุนเติบโตได้อย่างราบรื่น
ด้านแรงงาน: ประเทศไทยมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมาก การฟื้นฟูความสัมพันธ์จะช่วยให้การจัดการแรงงานข้ามชาติมีความเป็นระบบและเป็นธรรมมากขึ้น
ด้านการท่องเที่ยว: การเปิดชายแดนเพื่อการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเส้นทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น เส้นทางนครวัด–นครธม เชื่อมกับแหล่งท่องเที่ยวในภาคอีสานของไทย จะช่วยสร้างรายได้ทั้งสองฝ่าย
ด้านสังคมและวัฒนธรรม: การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างคนรุ่นใหม่ เช่น ดนตรี กีฬา หรือศิลปะ สามารถสร้างความเข้าใจอันดีและลดอคติระหว่างกัน
การเมืองอาเซียน: ไทย–กัมพูชาในบทบาทผู้นำภูมิภาค
ในมิติที่กว้างขึ้น ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสองประเทศ แต่ยังมีผลต่อ เสถียรภาพของอาเซียน โดยตรง
หากทั้งสองประเทศสามารถสร้างความร่วมมือได้จริง จะกลายเป็นต้นแบบของการแก้ไขข้อขัดแย้งและการสร้างพันธมิตรในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเสริมพลังให้ อาเซียน (ASEAN) มีเอกภาพและความแข็งแกร่งในการเผชิญหน้ากับความท้าทายระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บทเรียนจากอดีตและโอกาสในอนาคต
ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาเคยผ่านเหตุการณ์ความตึงเครียดมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็มักจะมี การเจรจาและการสร้างสัมพันธ์ใหม่ เกิดขึ้น
การที่ฮุน มาเนต แสดงท่าทีอย่างเปิดเผยและจริงใจในการส่งสาส์นถึงนายอนุทินครั้งนี้ อาจถือเป็น จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่จะผลักดันให้สองประเทศก้าวข้ามข้อขัดแย้งเดิม ๆ และมุ่งสู่ความร่วมมือเชิงบวก
บทสรุป
สาส์นยินดีจาก ฮุน มาเนต ถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ได้เป็นเพียงแค่ถ้อยคำทางการทูตที่ใช้ในโอกาสการเข้ารับตำแหน่งของผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็น การส่งสัญญาณเชิงนโยบาย ที่สะท้อนความตั้งใจของกัมพูชาในการฟื้นฟูและพัฒนาความสัมพันธ์กับไทย
หากทั้งสองประเทศสามารถใช้โอกาสนี้ในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ปลดล็อกข้อขัดแย้งเดิม ๆ และผลักดันให้ชายแดนร่วมกลายเป็นพื้นที่แห่ง สันติภาพ ความร่วมมือ และความเจริญรุ่งเรือง ได้จริง ก็จะเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา แต่ยังจะเป็นแบบอย่างของการทูตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
อ้างอิงจาก: FB/Hun Manet, Khmer Times





