หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เขมรตั้งคำถามใหญ่ ไทยจะยังช่วยเหมือนเดิมหรือเปล่า หลังนายกฯเปลี่ยนตัว

โพสท์โดย bbb1236555

กัมพูชาทวงถามสัญญาไทย หลังแพทองธารพ้นตำแหน่งนายกฯ อนาคตแรงงาน-การค้าข้ามพรมแดนส่อสะดุด?

ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 สถานการณ์การเมืองไทยได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วภูมิภาคอาเซียน เมื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 31 ของประเทศไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ท่ามกลางกระแสการเมืองที่ร้อนแรง และข่าวลือเกี่ยวกับ “คลิปเสียง” ของบุคคลที่ถูกเรียกว่า “uncle” ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีอิทธิพลต่อการเมืองไทยอย่างลึกซึ้ง

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้สะเทือนเฉพาะการเมืองในประเทศ แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา โดยตรง เนื่องจากก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพียงไม่กี่เดือน ไทยและกัมพูชาเพิ่งลงนาม ข้อตกลงทวิภาคี 7 ฉบับ ที่มีความสำคัญต่อทั้งสองประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่แรงงาน การค้า โครงสร้างพื้นฐาน จนถึงสิ่งแวดล้อม ข้อตกลงเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ของสองชาติที่มีพรมแดนติดกันยาวนับพันกิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม การปลดแพทองธารออกจากตำแหน่ง ทำให้สื่อกัมพูชาและภาคประชาสังคมของประเทศนั้นเริ่มตั้งคำถามว่า “ไทยยังพร้อมทำตามสัญญาที่ให้ไว้หรือไม่?” โดยเฉพาะในประเด็นแรงงานและการค้าข้ามพรมแดนที่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ

 

เบื้องหลังข้อตกลง 7 ฉบับ ไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 23-24 เมษายน 2568 แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีไทย ได้เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ พร้อมเข้าพบ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บุตรชายคนโตของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน

การเยือนครั้งนี้ถูกยกย่องว่าเป็น “มิติใหม่แห่งความร่วมมือไทย-กัมพูชา” เพราะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) และข้อตกลงทวิภาคีรวม 7 ฉบับ โดยมีทั้งสองผู้นำร่วมเป็นสักขีพยาน ณ พระราชวังสันติภาพ กรุงพนมเปญ

สาระสำคัญของข้อตกลงเหล่านี้ ครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่

1. แรงงานและการจ้างงาน – การเสริมสร้างศักยภาพแรงงานกัมพูชา-ไทย การยกระดับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และการส่งเสริมความปลอดภัยของแรงงานข้ามพรมแดน

2. การค้าและการลงทุน – การอำนวยความสะดวกในการค้าข้ามแดน และการผลักดันเขตเศรษฐกิจร่วมบริเวณด่านการค้าสำคัญ

3. โครงสร้างพื้นฐาน – การพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงสองประเทศ โดยเฉพาะ สะพานมิตรภาพกัมพูชา-ไทย (สตึงบท–บ้านหนองเอียน)

4. สิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ – ความร่วมมือในการปกป้องแม่น้ำ พื้นที่ป่า และระบบนิเวศชายแดน

5. การเชื่อมโยงด้านพลังงานและโลจิสติกส์ – แผนการสร้างเครือข่ายพลังงานร่วมและการเชื่อมโยงระบบขนส่ง

ทั้งหมดนี้ถูกมองว่าเป็น ยุทธศาสตร์ระยะยาว ที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไปสู่การเป็น “หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา” (Partnership for Development)

ความสำคัญของแรงงานกัมพูชาในไทย

หนึ่งในประเด็นที่สังคมกัมพูชาจับตามากที่สุด คือ แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ปัจจุบันมีแรงงานกัมพูชาที่ทำงานในไทยอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายรวมกันหลายแสนคน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคการก่อสร้าง ประมง เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมบริการ

แรงงานเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเติมเต็มกำลังแรงงานในไทย แต่ยังส่งเงินกลับไปยังครอบครัวในกัมพูชา เป็นมูลค่ามหาศาลต่อเศรษฐกิจกัมพูชาเอง ข้อมูลจากธนาคารโลกประเมินว่าเงินโอนจากแรงงานในต่างประเทศ (Remittances) มีสัดส่วนมากกว่า 10% ของ GDP กัมพูชา

ดังนั้น หากโครงการความร่วมมือด้านแรงงานที่ไทยให้คำมั่นถูกระงับหรือชะลอ ย่อมกระทบโดยตรงต่อทั้งแรงงานและครอบครัวในกัมพูชา รวมถึงภาคเศรษฐกิจที่พึ่งพาแรงงานต่างด้าวในไทย

 

สะพานสตึงบท-บ้านหนองเอียน: สัญลักษณ์ของความร่วมมือ

อีกหนึ่งโครงการที่ถูกพูดถึงมากคือ สะพานมิตรภาพกัมพูชา-ไทย หรือที่รู้จักในชื่อ “สะพานสตึงบท-บ้านหนองเอียน” ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าระหว่างสองประเทศ

สะพานแห่งนี้ไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้าข้ามแดน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของสองรัฐบาล การลงนามบริหารจัดการและบำรุงรักษาร่วมกัน จึงเป็นสัญญาที่มีน้ำหนักมากต่อสายตาชาวกัมพูชา

เมื่อการเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง ชาวกัมพูชาจึงกังวลว่า สะพานที่สร้างขึ้นด้วยความหวังอาจกลายเป็นเพียง “สะพานที่รอการใช้งานเต็มศักยภาพ” หากไทยไม่เดินหน้าตามพันธะที่ให้ไว้

 

การเมืองไทยกระทบความเชื่อมั่น

การปลดแพทองธารจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกมองว่าเป็น “ความไม่แน่นอนทางการเมือง” ที่อาจทำให้พันธะสัญญาระหว่างประเทศสะดุด แม้รัฐบาลไทยชุดใหม่จะยังไม่ได้ประกาศท่าทีชัดเจนต่อกัมพูชา แต่ความเงียบนี้กลับยิ่งเพิ่มความสงสัยในหมู่สื่อกัมพูชา

สื่อบางสำนักถึงกับพาดหัวว่า “ไทยยังจะช่วยเขมรอยู่ไหม?” ซึ่งสะท้อนความไม่มั่นใจว่าไทยจะยังคงเดินหน้าตาม MoU ที่ลงนามไว้หรือไม่ โดยเฉพาะในภาวะที่ไทยเองกำลังเผชิญความปั่นป่วนทางการเมืองภายใน

 

มุมมองจากนักวิชาการและภาคธุรกิจ

นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในไทยมองว่า ข้อตกลงทั้ง 7 ฉบับ เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ได้ขึ้นกับตัวบุคคลเพียงคนเดียว การที่แพทองธารถูกปลดจึงไม่ควรทำให้ข้อตกลงเหล่านี้สิ้นสุด แต่ยอมรับว่าอาจเกิด ความล่าช้า เนื่องจากรัฐบาลใหม่จำเป็นต้องทบทวนรายละเอียด

ภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่พึ่งพาการค้าชายแดน ก็แสดงความกังวลเช่นกัน เนื่องจากการค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี หากเกิดความล่าช้าหรือข้อขัดข้องทางการเมือง อาจกระทบต่อซัพพลายเชนและการจ้างงานทั้งสองฝั่ง

 

ความท้าทายและทางออก

สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงข้อหนึ่งว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่อาจแยกขาดจากการเมืองภายในประเทศ” ความไม่แน่นอนของการเมืองไทยอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือที่ได้วางรากฐานไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า ไทยควรรีบแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อกัมพูชา เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ข้อตกลงทวิภาคีจะยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง เช่น แรงงาน การค้า และโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ ไทยและกัมพูชาควรพิจารณาจัดตั้ง คณะทำงานถาวร ที่ไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง เพื่อดูแลการดำเนินงานตาม MoU อย่างต่อเนื่อง ไม่ให้โครงการสำคัญกลายเป็น “เหยื่อของความไม่แน่นอนทางการเมือง”

 

บทสรุป

กรณีที่สื่อกัมพูชาออกมาทวงถามไทยถึงพันธะสัญญา ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า ความเชื่อมั่นคือปัจจัยสำคัญ ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

แม้การปลดแพทองธารจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นเรื่องการเมืองภายในของไทย แต่ผลกระทบกลับลามไปสู่ระดับภูมิภาค สร้างคำถามใหญ่ให้กับเพื่อนบ้านว่า ไทยจะยังคงยึดมั่นในพันธะที่ให้ไว้หรือไม่

ในระยะสั้น ไทยจำเป็นต้องเร่งยืนยันความต่อเนื่องของข้อตกลงทั้ง 7 ฉบับ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากกัมพูชาและนักลงทุน แต่ในระยะยาว ไทยควรสร้างระบบความร่วมมือที่ “มั่นคงกว่าการเมือง” เพื่อให้โครงการพัฒนาระหว่างสองประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่สะดุด

ไม่เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังเพื่อพิสูจน์ว่า ไทยคือ มิตรแท้และหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ของกัมพูชาในภูมิภาคอาเซียน

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bbb1236555's profile


โพสท์โดย: bbb1236555
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หญิงชาวเคนยาขับรถชนคูเมืองเชียงใหม่ ในคืนลอยกระทงเลขเด็ด "แม่นมาก ขั้นเทพ" งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68 มาแล้ว!..คอหวยส่องด่วน!!ชาวเน็ตญี่ปุ่นลงทัวร์ช่องดัง หลังไม่พอใจเหตุใช้รูป "จุนโกะ" เหยื่อทารุณและฆาตกรรม มาตกแต่งฉากวันฮาโลวีน"นายฮ้อย" ไม่ใช่แค่พ่อค้าเร่ แต่คือผู้มีฐานะแห่งแดนอีสานรวมภาพตลกฮาเฮประจำวันนี้ วันที่ได้ข่าวว่าจะมีพายุเข้ามาประมาณ 2 ลูก ฝนจะตกหนักไหมน๊าสุดสัปดาห์นี้...“26 เลนยังไม่พอ!” เปิดภาพการจราจรสุดอลหม่านในกรุงนิวเดลี ถนน NH-8 แน่นขนัดจนรถแทบไม่ขยับรอยสักภาษาไทยคำว่า "อูบุนตู" บนแขนแฟนหนุ่มของ "นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์" แปลว่าอะไรกันนะ“โคนากรี” เมืองที่แย่ที่สุดในชีวิต! ดรูว์ บินสกี้ ยูทูบเบอร์ผู้เดินทางครบ 197 ประเทศ เผยประสบการณ์สุดหลอน😁 ชวนลองเข้ามาดูภาพถ่ายที่พิสูจน์แล้วว่าเราไม่ควรตัดสินอะไรตามแค่ที่ตาเห็น 😆หนุ่มใช้ขวดเก็บความเย็น ฟาดหัวโจรบุกบ้านจนเผ่นป่าราบ🌧️ กรมอุตุฯ เตือน! พายุ “คัลแมกี” ส่งผลให้ฝนตกหนักทั่วไทย 7-9 พ.ย. นี้ เตรียมรับมือให้พร้อมการปรับปรุงกฎหมาย: พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ตำรวจปราบจลาจลญี่ปุ่น อนุญาตให้ตำรวจ ใช้ปืนไรเฟิลสังหารหมีได้รอยสักภาษาไทยคำว่า "อูบุนตู" บนแขนแฟนหนุ่มของ "นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์" แปลว่าอะไรกันนะ"นายฮ้อย" ไม่ใช่แค่พ่อค้าเร่ แต่คือผู้มีฐานะแห่งแดนอีสานการปรับปรุงกฎหมาย: พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568หญิงชาวเคนยาขับรถชนคูเมืองเชียงใหม่ ในคืนลอยกระทง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ตำรวจปราบจลาจลญี่ปุ่น อนุญาตให้ตำรวจ ใช้ปืนไรเฟิลสังหารหมีได้"เจ็ท ลี" เปลือยoก เพื่อลบล้างข่าวลือ เรื่องการปลูกถ่ายหัวใจเกาหลีเหนือประกาศตอบโต้ หลังไม่พอใจการคว่ำบาตรของมะกันรีวิวเกม Cozy Organizer เกมสำหรับผู้หญิงและเด็ก
ตั้งกระทู้ใหม่