เงินวัดใกล้หมด! คนงานและผู้ป่วยวัดพระบาทน้ำพุ เตรียมรับความจริง
วัดพระบาทน้ำพุเผชิญวิกฤตหนัก! ประชุมคนงาน-ผู้ป่วย เตรียมแยกย้าย หลังเงินบริหารใกล้หมด
วัดพระบาทน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี กำลังเผชิญกับวิกฤตด้านการเงินครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อ บุคลากรและผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ภายในวัด โดยล่าสุดมีการประชุมฉุกเฉินระหว่างผู้บริหารวัด บุคลากร และผู้ป่วย เพื่อแจ้งสถานการณ์ที่ยากลำบากและเตรียมใจสำหรับการแยกย้ายในเร็ว ๆ นี้
ปัญหาด้านเศรษฐกิจภายในวัด
จากรายงานเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 พบว่า วัดพระบาทน้ำพุกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายในการบริหารวัดสูงมาก ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และค่าดูแลผู้ป่วย รวมถึงค่าใช้จ่ายของบุคลากรที่ได้รับเงินเดือนเดือนละกว่า 3 แสนบาท
ขณะนี้ วัดเหลือเงินบริหารเพียง 1.9 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อไป ทำให้บุคลากรและผู้ป่วยต้องเตรียมตัว แยกย้ายออกจากวัด โดยบางรายมีความผูกพันกับวัดมากจนไม่อยากจากไป
การประชุมฉุกเฉินของวัด
พระครูสุวัฒน์กิตติสาร รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เปิดเผยว่า ได้มีการเรียกประชุมบุคลากรและผู้ป่วย เพื่อแจ้งให้เตรียมตัวและ ทำใจรับความจริง ว่าจะต้องแยกย้ายกันภายในไม่กี่วัน
“อาตมาได้เรียกประชุมแล้ว ว่าให้เตรียมตัว ทำใจจำจากกันในอีกไม่กี่วัน เราต้องจากกัน ทั้งที่เราอยู่กันมายาวนาน มีความผูกพันและความรักกันมา แต่ผู้ป่วยบางรายก็บอกว่า ไม่รู้จะไปอยู่ไหน เพราะทางบ้านก็ไม่มีใครแล้ว ถ้าต้องไปหางานคงไม่มีใครรับแน่นอน บางคนคงจะขอตายอยู่ในวัดนี่แหละ แม้ว่าวัดจะไม่มีเงินดูแลอีกต่อไป”
คำพูดของรักษาการเจ้าอาวาสสะท้อนให้เห็น ความยากลำบากและความผูกพันระหว่างผู้ป่วยกับวัด ซึ่งบางรายอาจไม่มีที่ไปและต้องพึ่งพาวัดเป็นที่สุด
ผู้ป่วยบางรายยอมต่อสู้เพื่ออยู่ในวัด
หลายผู้ป่วยแสดงความกังวลถึงอนาคตของตนเอง เนื่องจาก ไม่มีญาติหรือบ้านให้กลับ และบางรายระบุว่า หากถูกบังคับให้ออกจากวัด พวกเขาอาจไม่มีชีวิตอยู่รอด
ผู้ป่วยบางคนกล่าวว่า:
“เรามีชีวิตอยู่ในวัดมานาน แม้ว่าจะไม่มีเงินดูแลอีกต่อไป แต่เราจะสู้ จะอยู่ตรงนี้จนตาย เพราะไม่มีใครรับเราไป และไม่มีใครดูแลเราเหมือนที่วัดทำ”
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง ความเป็นมนุษย์ของผู้ป่วย ที่ผูกพันกับวัดและบุคลากร และแสดงให้เห็นถึง ภาวะวิกฤตด้านสังคมและเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
ปัญหาเพิ่มเติม: การดูแลลิงกว่า 500 ชีวิต
นอกจากปัญหาการเงินที่กระทบต่อคนแล้ว วัดพระบาทน้ำพุยังต้องเผชิญ ปัญหาการดูแลลิงกว่า 500 ตัว ที่ถูกกักขังอยู่ในกรงภายในวัด
เหตุผลที่ต้องกักขังลิงเหล่านี้ เนื่องจากลิงป่าเหล่านี้มักมาหากินในบริเวณวัด ทำลายสิ่งของและสร้างความเสียหาย เช่น รื้อสังกะสี กัดสายไฟ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูงมาก นับหมื่นบาทต่อครั้ง
อดีตพระอลงกตจึงต้องจับลิงเหล่านี้มาขังและดูแล แต่ในปัจจุบัน ไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการเลี้ยงดู ทำให้ลิงกลายเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นในสถานการณ์วิกฤตนี้
เทศบาลเมืองเขาสามยอดเข้ามาร่วมดูแล
ในวันเดียวกัน นางสาววไลศิริ ปาตื่น นายกเทศมนตรีเมืองเขาสามยอด ได้มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรีชุบพร ทองอุ่นเรือน ปลัดเทศบาลเมืองเขาสามยอด ศึกษาวิธีการดูแลลิงที่อยู่ภายในวัดพระบาทน้ำพุ โดยจะรับผิดชอบในการหาทางดูแลลิงต่อไป
นี่เป็นการ แสดงความร่วมมือระหว่างวัดและหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน แม้ว่าปัญหาการเงินของวัดจะยังไม่สามารถแก้ไขได้ทันที
ผลกระทบต่อบุคลากรและผู้ป่วย
การขาดแคลนเงินบริหารส่งผลกระทบต่อ บุคลากรของวัด ที่ต้องหาทางไปอยู่บ้านใครบ้านมัน ขณะที่ ผู้ป่วยต้องกระจัดกระจายไปรักษาตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลและความเครียดอย่างมาก
สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่มีครอบครัวหรือญาติคอยดูแล การถูกแยกย้ายออกจากวัดถือเป็น ความท้าทายทางชีวิตและจิตใจ เพราะพวกเขาอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาอาหาร ที่พัก และการรักษาพยาบาล
ความพยายามแก้ไขปัญหา
แม้สถานการณ์จะยากลำบาก แต่พระครูสุวัฒน์กิตติสาร ยืนยันว่า วัดพยายามหาทางช่วยเหลือผู้ป่วยและบุคลากรให้มากที่สุดเท่าที่เงินจะเอื้ออำนวย นอกจากนี้การประสานงานกับ เทศบาลเมืองเขาสามยอด เพื่อดูแลลิง ก็ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
การจัดการปัญหาเหล่านี้ต้องใช้ ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งหน่วยงานรัฐ บุคลากรของวัด และชุมชนรอบ ๆ เพื่อให้วิกฤตนี้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
สรุป
ปัญหาวิกฤตทางการเงินที่วัดพระบาทน้ำพุทำให้ผู้ป่วย บุคลากร และสัตว์ที่อยู่ภายในวัดต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่มีบ้านหรือญาติคอยดูแล
พระครูสุวัฒน์กิตติสาร รักษาการเจ้าอาวาส ได้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อ เตรียมใจและแจ้งสถานการณ์ให้ทุกฝ่ายรับทราบ ขณะเดียวกัน เทศบาลเมืองเขาสามยอดก็เข้ามาช่วยเหลือในการดูแลลิงที่ถูกกักขัง เพื่อให้วิกฤตนี้ไม่ลุกลาม
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า วัดพระบาทน้ำพุไม่ใช่เพียงสถานที่ให้การรักษาผู้ป่วย แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางสังคมที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการเงินและการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง
แฟนคลับและผู้สนใจติดตามสถานการณ์ของวัดพระบาทน้ำพุ คงต้องจับตาดูว่า ผู้ป่วยและบุคลากรจะสามารถอยู่รอดและปรับตัวต่อสถานการณ์วิกฤตนี้ได้อย่างไร






















