กัน จอมพลัง ฟาดแหลก! แฉเด็กเขมรเรียนฟรีเพราะทุนไทย
ดราม่าทุนการศึกษา! "กัน จอมพลัง" โพสต์เดือด นักเรียนกัมพูชาได้ทุนจากเงินคนไทย แต่กลับไปเป็นทหารเขมร แถมโพสต์ด่าไทย
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 กระแสในโลกออนไลน์ร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจาก "กัน จอมพลัง" หรือ นายกัณฐ์ศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิปวงชนที่เป็นที่รู้จักในสังคมไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “กันจอมพลัง ช่วยสู้” ถึงกรณีของ นักเรียนกัมพูชารายหนึ่ง ที่ได้รับทุนจากเงินของคนไทยให้มาเรียนในประเทศไทย แต่สุดท้ายกลับเลือกเส้นทางชีวิตที่ตรงข้ามกับเจตนาของผู้ให้ทุน
กรณีดังกล่าวสร้างกระแสถกเถียงในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "ความกตัญญู" และ "การใช้เงินภาษีคนไทย" ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสะท้อนปัญหาของระบบทุนการศึกษาไทย
จุดเริ่มต้นของดราม่า: ทุนการศึกษาที่กลับกลายเป็นดาบสองคม
เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่นักเรียนกัมพูชาคนดังกล่าว ได้รับโอกาสเข้ามาศึกษาในประเทศไทย โดยทุนที่ใช้สนับสนุนมาจาก เงินของคนไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินบริจาคและเงินภาษี เพื่อช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติที่มีความสามารถ แต่ขาดโอกาสทางการศึกษาในประเทศบ้านเกิด
ทว่าหลังจากเรียนจบกลับไปที่กัมพูชา แทนที่จะนำความรู้ที่ได้รับมาใช้สร้างสรรค์สิ่งที่ดี นักเรียนรายนี้กลับเลือกเข้ารับราชการทหาร และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ มีการโพสต์ข้อความในเชิง โจมตีและดูหมิ่นประเทศไทย ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
กัน จอมพลัง โพสต์แรง: "นี่เรียกว่าเนรคุณหรือไม่?"
กัน จอมพลัง แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อเหตุการณ์นี้ โดยตั้งคำถามตรงไปตรงมาว่า
“นักเรียนกัมพูชาได้รับทุนจากเงินคนไทย ให้เรียนที่ประเทศไทย แต่สุดท้ายกลับไปเป็นทหารกัมพูชา พร้อมโพสต์ด่าประเทศไทย แบบนี้เรียกว่าเนรคุณหรือไม่?”
เขายังยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับ เด็กไทยในพื้นที่ห่างไกล ที่ยากจนและใฝ่ฝันอยากได้รับโอกาสด้านการศึกษา แต่กลับไม่ได้รับทุนเช่นเดียวกับนักเรียนต่างชาติรายนี้
ข้อความของกัน จอมพลัง จึงกลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งในเชิงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
เสียงสะท้อนจากสังคมออนไลน์
เมื่อโพสต์ของกัน จอมพลัง เผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นนับพันคอมเมนต์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มใหญ่ ได้แก่
1. กลุ่มที่เห็นด้วยกับกัน จอมพลัง
มองว่าการใช้เงินทุนจากภาษีหรือเงินบริจาคของคนไทย ควรให้ความสำคัญกับเด็กไทยที่ยากจนก่อน
เชื่อว่าการให้นักเรียนต่างชาติมาเรียน อาจไม่ได้สร้างประโยชน์กลับคืนให้ประเทศไทยเสมอไป
2. กลุ่มที่เห็นต่าง
ให้เหตุผลว่าการให้ทุนต่างชาติถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นการช่วยเหลือมนุษยธรรม
มองว่าพฤติกรรมของนักเรียนกัมพูชาคนหนึ่ง ไม่ควรถูกเหมารวมว่าทุกคนเป็นเช่นนั้น
3. กลุ่มกลางที่ตั้งคำถามเชิงระบบ
ชี้ว่าปัญหาที่แท้จริงคือ การคัดเลือกผู้รับทุน และ การกำกับติดตามหลังจบการศึกษา ว่าผู้รับทุนได้นำความรู้กลับมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์จริงหรือไม่
ปัญหาเชิงโครงสร้าง: การจัดสรรทุนการศึกษาในประเทศไทย
กรณีนี้สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างหลายประการในระบบทุนการศึกษาของไทย เช่น
ความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ
เด็กไทยในถิ่นทุรกันดารจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และแม้จะมีทุนการศึกษา แต่ขั้นตอนการสมัคร การคัดเลือก และเกณฑ์ต่างๆ มักซับซ้อนเกินกว่าที่เด็กในพื้นที่ห่างไกลจะเข้าถึงได้
การจัดลำดับความสำคัญของทุนต่างชาติ
ประเทศไทยมีนโยบายมอบทุนให้แก่นักเรียนต่างชาติ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านการศึกษาและการทูต แต่กลับขาดระบบติดตามผลว่า ผู้รับทุนเหล่านี้สร้างประโยชน์ต่อไทยหรือไม่
การกำกับดูแลผู้รับทุน
ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ชี้ให้เห็นว่า หลังจากผู้รับทุนสำเร็จการศึกษาแล้ว ไม่มีระบบติดตามว่าพวกเขาได้นำความรู้ไปใช้อย่างไร และตอบแทนประเทศไทยหรือไม่
"เนรคุณ" หรือ "สิทธิในการเลือกชีวิต"?
คำว่า “เนรคุณ” กลายเป็นคำหลักของดราม่านี้ แต่หากมองในมิติทางสังคม จะพบว่าคำถามใหญ่คือ
ผู้ที่ได้รับทุนการศึกษามี หน้าที่ต้องตอบแทนประเทศผู้ให้ หรือไม่?
หรือว่าการได้รับทุนคือการ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งผู้รับทุนสามารถเลือกเส้นทางชีวิตตามที่ต้องการ?
ประเด็นนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องศีลธรรมหรือความรู้สึก แต่ยังเกี่ยวพันกับหลักการของการจัดการทุนการศึกษาในระดับนโยบายอีกด้วย
เสียงจากภาคการศึกษา: ควรทบทวนการให้ทุนต่างชาติหรือไม่?
ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและนโยบายสาธารณะบางรายเริ่มออกมาให้ความเห็นว่า เหตุการณ์นี้ควรเป็น “บทเรียน” ให้กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอแนวทาง เช่น
ควรให้ เด็กไทยที่ยากจน ได้รับสิทธิ์เข้าถึงทุนมากขึ้น
หากจะให้ทุนต่างชาติ ควรมี เงื่อนไขผูกพัน เช่น ต้องทำงานด้านการพัฒนา ความร่วมมือ หรือสร้างประโยชน์กลับคืนให้ประเทศไทยเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ต้องมี ระบบติดตามผล หลังผู้รับทุนจบการศึกษา ว่าพวกเขานำความรู้ไปใช้อย่างไร
ประเด็นทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
กรณีนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงประเด็นทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อผู้รับทุนไปเข้ารับราชการทหารในกัมพูชา และมีการโพสต์ข้อความโจมตีประเทศไทย
ในมิติความมั่นคง อาจถูกตีความว่าเป็นการ ลงทุนผิดพลาด ที่ส่งผลเสียต่อประเทศในระยะยาว
ในมิติการทูต การให้นักเรียนต่างชาติมาเรียนถือเป็น Soft Power ของไทย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ย่อมกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น
มุมมองของประชาชน: เด็กไทยควรได้โอกาสมากกว่านี้
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดจากกระแสนี้คือ ความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากที่มองว่า เด็กไทยควรได้รับโอกาสก่อนเด็กต่างชาติ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและยากจน
กัน จอมพลังเองก็เน้นย้ำเรื่องนี้ในโพสต์ของเขา โดยเล่าว่า เขาได้เดินทางไปตามต่างจังหวัดและพบเห็นความลำบากของเด็กๆ หลายคนที่อยากเรียน แต่กลับไม่มีทุนหรือต้องหยุดเรียนกลางคันเพราะครอบครัวยากจน
สรุป: บทเรียนจากดราม่าทุนการศึกษา
กรณี นักเรียนกัมพูชาได้รับทุนจากเงินคนไทยแต่กลับไปเป็นทหารและโพสต์ด่าไทย ไม่เพียงเป็นดราม่าในโลกออนไลน์ แต่ยังเป็น สัญญาณเตือน ให้สังคมไทยหันกลับมาทบทวนระบบทุนการศึกษา
สิ่งที่สังคมเรียกร้องคือ
ความโปร่งใสในการคัดเลือกผู้รับทุน
การจัดลำดับความสำคัญระหว่างเด็กไทยและต่างชาติ
การมีระบบติดตามและวัดผลลัพธ์จากการให้ทุน
ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะถูกมองว่าเป็น “ความเนรคุณ” ของนักเรียนกัมพูชา หรือเป็นเพียง “สิทธิในการเลือกเส้นทางชีวิต” ของผู้รับทุน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูประบบการให้ทุนการศึกษา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสร้างประโยชน์สูงสุดต่อสังคม




















