เดือด! “สมปอง” อาจงานเข้า “บิ๊กเต่า” ชี้มีเอี่ยวคดีใหญ่ ส่อฟอกเงิน
คดีอลงกตการละคร: เปิดความคืบหน้าคดีเงินวัด ทรัพย์สินมหาศาล และเงื่อนงำการฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บิ๊กเต่า” รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีที่สังคมจับตามองอย่างใกล้ชิด นั่นคือ “คดีอลงกตการละคร” คดีที่เกี่ยวพันกับการใช้เงินวัดและทรัพย์สินจำนวนมหาศาล โดยมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายทั้งอดีตพระ เครือข่ายบุคคลใกล้ชิด และแม้แต่คนในแวดวงบันเทิง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร และขณะนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามกำลังทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมหลักฐานให้รัดกุมมากที่สุดก่อนดำเนินการเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง
ประเด็นร้อน: โฉนดที่ดินมูลค่ากว่า 140 ล้านบาท
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทำให้คดีนี้ซับซ้อนและถูกจับตามองอย่างหนักคือ กรณีโฉนดที่ดินมูลค่ารวมกว่า 140 ล้านบาท ที่ถูกถือครองโดยบุคคลใกล้ชิดของ อดีตพระอลงกต
พล.ต.ต.จรูญเกียรติยืนยันว่า กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินเหล่านี้อย่างละเอียด โดยพบว่ามีบุคคลสำคัญ 2 รายที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ได้แก่
อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ตลกชื่อดัง
ทั้งสองมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน คือการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียและหาผลประโยชน์ ไม่เพียงจากเงินก้อนใหญ่ของวัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นๆ ที่มีมูลค่ามหาศาล
ความขัดแย้ง: เมื่ออดีตพระอลงกตอ้างถูกโกง
แม้ว่าอดีตพระอลงกตจะถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องการจัดการเงินวัด แต่จากข้อมูลที่ตำรวจได้รับ พบว่าเจ้าตัวกลับอ้างว่าตนเองต่างหากที่ “ถูกโกง” โดยบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และการถือครองทรัพย์สินแทน
อดีตพระอลงกตอ้างว่าได้พยายามติดตามและทวงถามเงินคืนมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้รับการคืนตามที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำคัญคือ ไม่มีหลักฐานชัดเจนในการทวงถาม มีเพียงคำบอกเล่า ทำให้ตำรวจยังไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลได้
ปมร้อนใหม่: ชื่อของ “อดีตพระสมปอง” โผล่ในคดี
อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้คดีอลงกตการละครยิ่งน่าสนใจและซับซ้อนมากขึ้นคือการปรากฏชื่อของ นายสมปอง นครไธสง หรืออดีตพระสมปอง พระนักเทศน์ชื่อดังที่เพิ่งลาสิกขาไปก่อนหน้านี้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายสมปองได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน โดยยอมรับว่า เคยยืมเงินจากอดีตพระอลงกต ในช่วงที่ยังครองสมณเพศ แต่รายละเอียดของการยืมเงินยังไม่ชัดเจนว่ามีเจตนายืมจริงเพื่อการใช้ส่วนตัว หรือเป็นการอ้างเพื่อขอเงินไปใช้ในลักษณะอื่น
เงิน 13 ล้านบาท: ยืมหรือเข้าข่ายฟอกเงิน?
หนึ่งในจุดที่ตำรวจให้ความสำคัญคือ เงินจำนวน 13 ล้านบาท ที่นายสมปองระบุว่าเป็นการยืมมาจากอดีตพระอลงกต โดยต้องตรวจสอบว่า
ที่มาของเงิน 13 ล้านบาทนั้นมาจากเงินวัดหรือไม่
กระบวนการคืนเงินมีลักษณะใด เช่น การคืนเป็นเงินสด หรือการคืนผ่านบุคคลที่สาม
หากเป็นเงินวัดจริง การนำไปใช้ส่วนตัวอาจเข้าข่ายความผิด เนื่องจากพระย่อมรู้ข้อห้ามเรื่องการใช้เงินวัดอยู่แล้ว
ตำรวจยังตั้งข้อสงสัยว่า การโอนเงินและการคืนเงินในลักษณะนี้อาจเข้าข่าย “การฟอกเงิน” ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงที่มีโทษหนัก
ตำรวจยืนยัน: อดีตพระสมปองยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.จรูญเกียรติย้ำชัดว่า แม้นายสมปองจะเข้ามาให้ปากคำแล้ว แต่ยังคง อยู่ในข่ายที่อาจถูกดำเนินคดี หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงกับการนำเงินวัดไปใช้ หรือมีส่วนรู้เห็นในการฟอกเงิน
ตำรวจยังคงต้องพิจารณาจากเจตนา ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานทั้งหมดก่อนตัดสินใจดำเนินคดี
ทำไมคดีนี้ถึงถูกเรียกว่า “อลงกตการละคร”?
คดีนี้ถูกสื่อและประชาชนเรียกว่า “อลงกตการละคร” เนื่องจากมีความซับซ้อน และเกี่ยวพันกับบุคคลหลายฝ่ายที่มีชื่อเสียง ทั้งในวงการศาสนา หน่วยงานรัฐ และวงการบันเทิง ราวกับเรื่องราวในละครที่เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคม การโกง การยืมเงิน การถือครองทรัพย์สินแทน และการโยงใยผลประโยชน์ในเครือข่ายใหญ่
มิติทางสังคม: ศรัทธากับความผิดหวัง
คดีนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคมไทยอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวพันกับ ศาสนาและศรัทธาของประชาชน เงินวัดที่ประชาชนบริจาคด้วยความศรัทธาควรถูกนำไปใช้เพื่อกิจกรรมทางศาสนาและสาธารณะประโยชน์ แต่กลับถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ
เมื่อบุคคลที่เคยเป็นพระชื่อดังและมีบทบาทในสังคมถูกโยงเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกผิดหวังและตั้งคำถามต่อระบบการตรวจสอบการใช้เงินวัด
มิติทางกฎหมาย: การฟอกเงินและการถือครองแทน
คดีอลงกตการละครไม่ได้เป็นเพียงคดีทั่วไป แต่ยังมีประเด็นด้านกฎหมายที่ซับซ้อน เช่น
1. การฟอกเงิน – หากมีการใช้เงินวัดแล้วนำไปหมุนเวียนหรือตบตาให้ดูถูกต้องตามกฎหมาย อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน
2. การถือครองทรัพย์สินแทน – การนำที่ดินมูลค่ามหาศาลไปไว้ในชื่อบุคคลใกล้ชิด ย่อมถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
3. การยักยอกทรัพย์หรือฉ้อโกง – หากพบว่ามีการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวโดยไม่มีสิทธิ
ตำรวจยังคงเดินหน้าสอบสวนอย่างเข้มข้น โดยเน้นไปที่
การตรวจสอบเส้นทางการเงินทุกขั้นตอน
การสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่ม
การตรวจสอบโฉนดที่ดินและทรัพย์สินที่ถูกโอนหรือถือครองแทน
การหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
สรุป
คดีอลงกตการละคร เป็นหนึ่งในคดีที่ซับซ้อนและสะเทือนสังคมไทยอย่างมากในปี 2568 เพราะเกี่ยวพันกับเงินวัด ทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล และบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายฝ่าย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐจนถึงคนในวงการบันเทิง
แม้อดีตพระอลงกตจะอ้างว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกโกง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ขณะเดียวกันกลับมีเงื่อนงำเรื่องการถือครองทรัพย์สินแทนและเส้นทางการเงินจำนวนมาก ทำให้ตำรวจต้องเร่งคลี่คลายคดีนี้อย่างรอบคอบ
การปรากฏชื่อของ อดีตพระสมปอง ยิ่งทำให้คดีนี้เป็นที่สนใจของสังคม และหากพบว่ามีการใช้เงินวัดจริง อาจนำไปสู่การดำเนินคดีในข้อหาหนักอย่างการฟอกเงิน
สิ่งที่สังคมรอคอยคือ ความจริงที่โปร่งใสและการบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม เพื่อรักษาความศรัทธาของประชาชนต่อสถาบันศาสนา และเพื่อให้เครือข่ายผลประโยชน์ที่แฝงอยู่เบื้องหลังถูกเปิดเผยอย่างหมดเปลือก















