“ความชอบ” กลายเป็น “โรค” บทเรียนจากคดีหมออลันในสหรัฐฯ
ช่วงเดือนสิงหาคม 2025 ที่ผ่านมานี้ โลกออนไลน์สะเทือนหนักกับข่าวใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ศาลนิวยอร์กเพิ่งตัดสินลงโทษจำคุก อลัน เฉิงจื้อ แพทย์หนุ่มวัย 35 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ในข้อหาข่มขืนและล่วงละเมิดคนไข้ของตัวเอง
ข่าวนี้ไม่ได้ทำให้คนอเมริกันเท่านั้นที่ช็อก คนทั่วโลก including ไทย ต่างพูดถึง เพราะนี่ไม่ใช่ “เรื่องส่วนตัว” ของหมอ แต่เป็นประเด็นใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมวิชาชีพ การคุ้มครองผู้ป่วย และคำถามเชิงจิตวิทยาว่า…
ผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบมีเพศสัมพันธ์ กับคนที่นอนสลบ ไม่รู้สึกตัว ไม่มีทางสู้ มันคือ “รสนิยม” ส่วนตัว หรือจริง ๆ แล้วเป็น “โรค” ทางจิตที่ควรได้รับการรักษา?
มนุษย์ทุกคนมีจินตนาการและรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมือนกัน บางคนชอบแบบโรแมนติก บางคนชอบแบบผจญภัย บางคนชอบการควบคุมหรือเล่นบทบาท (role play) ซึ่งในโลกจริง ถ้าเป็น “ความสมัครใจ” ของทั้งสองฝ่าย มันก็อยู่ในกรอบที่ยังพออธิบายได้ว่าเป็น รสนิยม
แต่เส้นบาง ๆ ที่แบ่งระหว่าง “ความชอบ” กับ “โรค” ก็คือ…
-
ถ้าเป็น แค่จินตนาการ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน >> ยังไม่ใช่โรค
-
ถ้าเริ่ม ลงมือทำจริง หรือไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ >> ตรงนี้แหละที่ก้าวเข้าสู่ “ภาวะทางจิตเวช”
นักจิตวิทยาเรียกอาการนี้ว่า Sexual Sadism Disorder (ภาวะซาดิสม์ทางเพศ) คนที่มีภาวะนี้ไม่ได้รู้สึกพอใจจากการมีเพศสัมพันธ์แบบปกติ แต่กลับ “เสพสุข” จากการทำให้คนอื่นเจ็บปวดหรือไร้อำนาจ
ปัญหาคือ…สมองของเขาจะถูกเชื่อมโยงว่า “ความสุข = การทำร้ายผู้อื่น” และนั่นทำให้โอกาส “ทำอีก” สูงมาก ไม่ค่อยหยุดที่ครั้งเดียว
กรณี “อลัน เฉิงจื้อ” ในข่าวที่ศาลนิวยอร์กตัดสิน อลันไม่ได้เป็นแค่คนที่มีจินตนาการแปลก ๆ แต่เขา ลงมือข่มขืนคนไข้ ที่ไว้วางใจมารับการรักษา
สิ่งที่อลันทำไม่อาจอธิบายว่าเป็น “ความชอบส่วนตัว” ได้อีกต่อไป แต่มันคือ…
-
ภาวะทางจิตเวช สัญญาณของ Sexual Sadism Disorder
-
พฤติกรรมอาชญากรรม การละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีมนุษย์
สังคมจึงไม่ควรปล่อยให้คนแบบนี้ถูกมองว่า “เขาแค่ชอบแบบนั้น” เพราะผู้หญิงที่เป็นเหยื่อเจ็บปวดจริง เสียหายจริง และนี่คืออาชญากรรมที่ต้องรับโทษ
แล้วสังคมควรเรียนรู้อะไรจากคดีนี้?
-
ความรู้เรื่องเพศ = เกราะป้องกัน
เราควรสอนเด็กและผู้ใหญ่ให้เข้าใจว่า “เพศ” ไม่ใช่เรื่องห้ามพูด แต่ต้องเรียนรู้ว่าเส้นไหนคือ “สมยอม” และเส้นไหนคือ “อาชญากรรม” -
ตรวจสอบและป้องกันในวิชาชีพ
หมอ ครู พระ ตำรวจ ล้วนเป็นอาชีพที่มีคนไว้ใจสูง สังคมควรมีระบบตรวจสอบจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเรื่องก่อนแล้วค่อยแก้ -
การรักษาไม่ใช่ความอาย
คนที่มีจินตนาการทางเพศสุดโต่ง ถ้าเริ่มรู้ตัวว่าคุมไม่อยู่ ควรเข้าพบนักจิตเวชหรือบำบัด ไม่ใช่เก็บกดจนไปลงกับเหยื่อจริง
คดี อลัน เฉิงจื้อ ไม่ได้สะเทือนใจแค่เพราะหมอทำผิด แต่มันสะท้อนคำถามใหญ่ของสังคมว่า…
-
เราเข้าใจดีพอหรือยัง ว่า “ความชอบ” กับ “โรค” ต่างกันอย่างไร?
-
เรามีระบบป้องกันเพียงพอหรือยัง ที่จะไม่ให้คนมีอำนาจใช้ช่องว่างทำร้ายผู้อื่น?
-
และในฐานะประชาชน เราเองกล้าพอไหมที่จะพูดเรื่องเพศแบบตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเข้าใจที่ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ?
เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้จบที่ศาลนิวยอร์ก แต่คือบทเรียนของทั้งโลกว่า…
ความสุขของใครบางคน อาจหมายถึงฝันร้ายของอีกคนหนึ่งและหน้าที่ของสังคม คือทำให้เส้นบาง ๆ ระหว่าง “ชอบ” กับ “โรค” ถูกมองเห็นชัดเจน ก่อนที่มันจะสายเกินไปอีกครั้ง















