โซเชียลเดือด! คลิปเขมรปากกล้า ด่าทหารไทยหน้าลวดหนาม
ดราม่าชายแดนไทย–กัมพูชา เดือด! เพจดังเผยคลิปทหารกัมพูชาตะโกนด่าขู่ ขณะทหารไทยล้อมรั้วลวดหนามในดินแดนไทย ชาวเน็ตตั้งคำถาม “ใครล้ำแดนกันแน่?”
วันที่ 1 กันยายน 2568 โลกออนไลน์สั่นสะเทือนอีกครั้ง หลังเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง Army Military Force เผยแพร่คลิปวิดีโอที่กำลังกลายเป็นกระแสร้อนแรง โดยในคลิปดังกล่าวปรากฏภาพเหตุการณ์ ทหารกัมพูชาโวยวายตะโกนด่าทหารไทย พร้อมข่มขู่ไม่ให้เข้ามาในดินแดนของตน ขณะที่ทหารไทยกำลังปฏิบัติภารกิจวางรั้วลวดหนามหีบเพลงบนพื้นที่ที่ทางฝั่งไทยยืนยันว่าเป็น ดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย
คลิปวิดีโอนี้สร้างความสับสนและจุดประเด็นร้อนขึ้นมาทันทีว่า “แท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่ล้ำแดน?”
เหตุการณ์ในคลิป: ความตึงเครียดริมรั้วชายแดน
ในคลิปที่เพจ Army Military Force เผยแพร่ ทหารกัมพูชาที่อยู่ใกล้แนวชายแดนได้ตะโกนเสียงดังใส่ทหารไทย โดยถ้อยคำที่ใช้มีลักษณะ โวยวาย ก้าวร้าว และเป็นการข่มขู่ โดยตรง เช่น
“อย่าเข้ามาในแนวดินแดนของกัมพูชา! จะทำอะไรก็ทำไป แต่ห้ามข้ามเส้นชายแดนเด็ดขาด ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการ รัฐบาลจัดการ”
ในขณะที่ฝั่งไทย มีรายงานว่าทหารไทยกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจคือ การล้อมรั้วลวดหนามหีบเพลง บนพื้นที่ที่ถือว่าเป็นเขตอธิปไตยของไทย เพื่อรักษาความมั่นคงและป้องกันการลักลอบข้ามแดน
ปฏิกิริยาโซเชียล: ชาวเน็ตจี้ถาม “ใครคือผู้ล้ำแดนตัวจริง?”
หลังคลิปถูกเผยแพร่ออกไป โลกโซเชียลได้ถกเถียงอย่างเผ็ดร้อน หลายคนตั้งคำถามตรงไปตรงมาว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนความเข้าใจผิดหรือความพยายามสร้างแรงกดดัน ของฝั่งกัมพูชากันแน่
บางความเห็นมองว่า ฝั่งทหารกัมพูชาอาจพยายาม กดดันทางจิตวิทยา เพื่อข่มขวัญทหารไทย แม้จะรู้ดีว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย
อีกฝ่ายหนึ่งกลับกังวลว่า อาจเกิดความ เข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวเส้นเขตแดน เนื่องจากแนวชายแดนไทย–กัมพูชาหลายจุดยังไม่มีการปักปันที่ชัดเจน 100%
ขณะที่อีกจำนวนไม่น้อยแสดงความห่วงใยว่า หากสถานการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ
ชายแดนไทย–กัมพูชา: ปมประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยจาง
ปัญหาชายแดนระหว่างไทย–กัมพูชาไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นประเด็นที่มีรากฐานจาก การตีความสนธิสัญญาและแผนที่ มาตั้งแต่สมัยอาณานิคม โดยเฉพาะกรณี ปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้ตัดสินเมื่อปี 2505 ให้ปราสาทตกเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังคงมีข้อถกเถียงมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่พิพาทเล็ก ๆ อีกหลายจุดตามแนวชายแดนที่ยาวกว่า 800 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่ได้มีการ ปักปันเขตแดนที่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ปะทะหรือความเข้าใจผิดระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายอยู่เป็นระยะ
การใช้ “ลวดหนามหีบเพลง” คืออะไร?
สิ่งที่น่าสนใจในเหตุการณ์ครั้งนี้คือการที่ทหารไทยนำ ลวดหนามหีบเพลง (Concertina Wire) มาวางล้อม ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความมั่นคงที่ใช้กันทั่วไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการลักลอบเข้า–ออก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ป้องกันการลักลอบข้ามแดนของแรงงานผิดกฎหมาย
สกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดหรือสินค้าหนีภาษี
ควบคุมพื้นที่ชายแดนในจุดที่เปราะบาง
ดังนั้น การกระทำดังกล่าวจึงถูกมองว่าเป็นการปฏิบัติ ในดินแดนของไทยเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ แต่กลับถูกทหารกัมพูชาตอบโต้ด้วยการโวยวายและข่มขู่
วิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: เกมกดดันหรือความเข้าใจผิด?
นักวิเคราะห์ความมั่นคงบางส่วนมองว่า การที่ทหารกัมพูชาออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้ อาจเป็น การสร้างแรงกดดันทางจิตวิทยา เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของทหารไทย และอาจหวังผลในเชิงการเมืองภายในด้วย
ขณะที่บางความเห็นชี้ว่า เหตุการณ์นี้อาจเกิดจาก ความสับสนในพื้นที่ เพราะแนวชายแดนบางจุดยังไม่มีการขีดเส้นอย่างชัดเจน หรือแม้กระทั่งการตีความ “เส้นเขตแดนชั่วคราว” ที่แต่ละฝ่ายใช้เป็นเกณฑ์แตกต่างกัน
เสียงจากภาคประชาชน: ความห่วงใยต่อความสงบชายแดน
นอกจากเสียงถกเถียงในโลกออนไลน์แล้ว ภาคประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนก็ออกมาแสดงความกังวลเช่นกัน หลายคนกลัวว่า หากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น
การทำเกษตรกรรมในพื้นที่ใกล้ชายแดน
การค้าขายชายแดนซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญ
ความปลอดภัยของครอบครัวและชุมชน
บทบาทของรัฐบาลและกลไก JBC
ในทางการทูต ปัญหาชายแดนระหว่างไทย–กัมพูชา ควรถูกนำเข้าสู่การหารือผ่าน คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ซึ่งเป็นเวทีกลางในการแก้ไขปัญหาที่ตกลงกันมานานแล้ว
การเจรจาผ่านกลไก JBC ไม่เพียงแต่ช่วยลดโอกาสการปะทะ แต่ยังแสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่า ไทยและกัมพูชามีความพร้อมแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ
สรุป: บทเรียนจากคลิปดราม่า
เหตุการณ์ที่เพจ Army Military Force เผยแพร่ครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงคลิปไม่กี่นาที แต่กลับสะท้อนประเด็นใหญ่ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง คือ ความเปราะบางของชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ยังคงเป็นปัญหาค้างคามาอย่างยาวนาน
คลิปนี้ไม่เพียงแต่ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า “ใครล้ำแดนกันแน่?” แต่ยังตอกย้ำว่าทั้งสองประเทศจำเป็นต้องเร่งหาทางออกอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งเล็ก ๆ บานปลายจนกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ และที่สำคัญที่สุดคือไม่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแนวชายแดน
อ้างอิงจาก: เฟสบุ๊ค Army Military Force















