อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พูดชัด! หลังสมีอลงกตถูกจับ “เงินบริจาคไม่ใช่ของเรา”
"อ.เบียร์ คนตื่นธรรม" เปิดใจหลังอดีตพระอลงกตถูกจับ ย้ำเงินบริจาคไม่ใช่ของเราอีกต่อไป วอนสังคมเข้าใจเจตนาบริสุทธิ์ พร้อมยินดีให้ตรวจสอบ
จากกรณีที่สร้างแรงสะเทือนทั้งในแวดวงศาสนาและสังคมไทย ก็คือการจับกุม อดีตพระอลงกต หรือที่หลายคนเรียกกันว่า "สมีอลงกต" อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี พร้อมกับ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้เข้าจับกุมตัวทั้งสองเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2568 ในข้อหาหนัก ร่วมกันฟอกเงินและยักยอกเงินบริจาค
ข่าวดังกล่าวไม่เพียงสร้างความตกตะลึงต่อผู้ศรัทธาที่เคยติดตามกิจกรรมของวัด แต่ยังย้อนกลับไปกระทบผู้ที่เคยถวายปัจจัยบริจาคด้วย โดยหนึ่งในบุคคลที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ "อ.เบียร์ คนตื่นธรรม" ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถวายเงินบริจาคจำนวนกว่า 2.8 ล้านบาท ให้แก่อดีตพระอลงกต
เมื่อภาพการถวายเงินก้อนใหญ่ถูกขุดขึ้นมาในโลกออนไลน์ ก็มีเสียงวิจารณ์ตามมาอย่างกว้างขวาง โดยบางคนถึงกับเหน็บว่า "ขนาดอาจารย์คนตื่นธรรมยังดูคนไม่ออก" ทำให้อ.เบียร์ตัดสินใจออกมา ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก "คนตื่นธรรม" เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและเปิดใจถึงเจตนาที่แท้จริงในการบริจาค
การออกมาเปิดใจของอ.เบียร์
อ.เบียร์เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงกระแสที่เกิดขึ้นว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือเสียใจอะไร เพราะตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจถวายเงิน ก็ทำด้วย ความศรัทธาและเจตนาบริสุทธิ์ มิได้หวังสิ่งตอบแทน
“ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรนะ เพราะเราไม่ได้คาดหวังอะไรใครอยู่แล้ว... เมื่อเราให้แล้ว มันก็ไม่ใช่ทรัพย์ของเราอีกต่อไป”
เขาย้ำว่า หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามักเตือนให้ไม่ยึดติด ไม่คาดหวัง เมื่อได้สละแล้วก็ถือว่าขาดจากความเป็นเจ้าของทันที ส่วนผู้ที่ได้รับจะนำไปใช้อย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเขา หากใช้ไปในทางที่ดี ผลดีก็เกิดขึ้นกับเขา หากใช้ไปในทางที่ผิด ผลร้ายก็ย่อมตามมาเองตามกฎแห่งกรรม
เจตนาที่แท้จริงของการบริจาค
ในช่วงที่อ.เบียร์ตัดสินใจถวายเงินกว่า 2.8 ล้านบาทนั้น เขาเล่าว่าเพราะเห็นว่าอดีตพระอลงกตกำลังทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะในด้านการดูแลผู้ป่วย HIV และเด็กกำพร้า ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเห็นประจักษ์และยากจะปฏิเสธ
“ตอนนั้นทุกคนก็เห็นว่าอดีตหลวงพ่ออลงกตทำประโยชน์ เรากับลูกศิษย์จึงช่วยกันสนับสนุน... มันเป็นความจริงใจ ณ วันนั้น”
เขายังยืนยันว่า การบริจาคในครั้งนั้นไม่ได้กำหนดเจาะจงว่าจะให้ไปใช้ในเรื่องใดเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วย การดูแลเด็กกำพร้า หรือกิจการสาธารณะต่าง ๆ แต่ตั้งใจถวายเป็น "สังฆทาน" คือการถวายเพื่อให้หมู่คณะสงฆ์ใช้ตามความเหมาะสม
ไม่ติดใจ แม้ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่หวัง
ประเด็นสำคัญที่อ.เบียร์เน้นย้ำคือ เขาไม่รู้สึกเสียดายเงินที่บริจาคไปเลย เพราะถือว่าตั้งแต่วันแรกที่ถวายก็เป็นการสละด้วยศรัทธา
“ต่อให้เขาจะทำผิดจริง อาจารย์ก็ไม่ได้เสียดายอะไร เพราะเงินที่เราให้ไปแล้ว มันไม่ใช่ของเราอีกแล้ว... ตรงไหนที่เขาใช้ทำประโยชน์ก็คือบุญของเรา ส่วนตรงไหนที่เขานำไปฉ้อฉล นั่นไม่ใช่เงินของอาจารย์แล้ว”
คำพูดนี้สะท้อนถึงการวางจิตที่ไม่ยึดติดตามหลักธรรมะ และยังเป็นการปล่อยวางต่อสิ่งที่เกินกำลังควบคุม โดยมองว่าคนที่ทำชั่วต้องได้รับผลชั่ว ไม่ใช่ผู้ให้ที่เจตนาบริสุทธิ์
พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
แม้จะถูกตั้งคำถามอย่างหนักจากสังคม แต่ อ.เบียร์ยืนยันชัดว่า เขาพร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกขั้นตอนของการบริจาค และย้ำว่าเงินทั้งหมดถูกโอนเข้าบัญชีวัดโดยตรง ไม่มีการผ่านมือหรือเรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ
การแสดงความโปร่งใสเช่นนี้ทำให้หลายคนมองว่า อ.เบียร์คือผู้บริจาคที่ทำด้วยศรัทธาแท้จริง และไม่ควรถูกโยงให้เป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกับคดีอื้อฉาวที่กำลังเกิดขึ้น
เสียงสะท้อนจากสังคม
กระแสที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกในความคิดเห็นของประชาชน บางส่วนมองว่าอ.เบียร์ควรระมัดระวังมากกว่านี้ในการถวายเงินก้อนใหญ่ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่าเขาทำด้วยใจบริสุทธิ์และเป็นผู้ที่ควรได้รับการสนับสนุน ไม่ใช่การโจมตี
สิ่งนี้ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่เกี่ยวกับ ความศรัทธาในศาสนาและบุคคล ว่าบางครั้งอาจทำให้ผู้คนมองข้ามการตรวจสอบหรือความโปร่งใส แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ก็สะท้อนถึง ความบริสุทธิ์ใจของผู้ให้ ที่ยากจะปฏิเสธได้
มุมมองด้านพระพุทธศาสนา
หากมองในเชิงหลักธรรมะ คำอธิบายของอ.เบียร์สอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง “ทาน” ที่ว่า เมื่อให้แล้วถือว่าเป็นการสละ ไม่ควรยึดติดหรือคาดหวังผลตอบแทน การให้ที่แท้จริงต้องมาจากใจที่ปราศจากความโลภ ความโกรธ และความหลง
แม้ผู้รับจะนำไปใช้ในทางที่ผิด แต่บุญของผู้ให้ยังคงอยู่ เพราะเจตนาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในพุทธศาสนา ข้อคิดนี้อาจเป็นสิ่งที่สังคมสามารถนำไปไตร่ตรองได้ในท่ามกลางเหตุการณ์ที่สร้างความสั่นคลอนต่อความศรัทธา
สรุป
การออกมาเปิดใจของ อ.เบียร์ คนตื่นธรรม หลังอดีตพระอลงกตถูกจับกุม ไม่เพียงเป็นการชี้แจงถึงการบริจาคเงิน 2.8 ล้านบาทเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง แนวคิดการให้ที่แท้จริงตามหลักพุทธศาสนา
เขาย้ำชัดว่า “เงินที่บริจาคไปแล้วไม่ใช่ของเราอีกต่อไป” พร้อมยอมรับการตรวจสอบทุกอย่างอย่างโปร่งใส และไม่รู้สึกติดใจหรือเสียดาย เพราะเชื่อมั่นในเจตนาบริสุทธิ์ที่ได้ทำลงไป
แม้คดีความของอดีตพระอลงกตและหมอบียังต้องดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่เรื่องราวของอ.เบียร์ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งแง่มุมที่ทำให้สังคมเห็นว่า ในท่ามกลางความไม่โปร่งใสของบางคน ยังมีผู้ให้ที่เต็มเปี่ยมด้วยความจริงใจ
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถ
ไทยจะสงบเมื่อไหร่ หมด"ฮุน เซน" ก็ยังมี "สม รังสี"
ในหลวงพระราชทาน “โรงครัวพระราชทาน” ช่วยชาวหาดใหญ่ ด้าน ศบภ.ทภ.4 ระดมกำลังพลช่วยเหลืออุทกภัยภาคใต้ต่อเนื่อง
อันวาร์ อิบราฮิม ยันมาเลเซีย ไม่แทรกแซง ข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา
ถูกปรับ 1.5 แสน เพราะใช้บ้านรับ-ส่งลูกชิ้น
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด!โจรลุยน้ำท่วมงัดบ้านครูเกษียณ ขโมยทองคำ 10 บาท แหวนเพชร เงินสด 3 หมื่น
กู้ภัยเมืองคอน ลุยน้ำท่วมช่วยหนูน้อย 9 เดือน อ.หาดใหญ่
“ทหารไม่รอช้า!เร่งเข้าช่วยประชาชนย่านตาขาว จ.ตรัง ท่ามกลางน้ำท่วมวิกฤต
กู้ภัยเมืองคอน ลุยน้ำท่วมช่วยหญิงวัย 62 หนีน้ำท่วมติดต้นมะพร้าวนาน 6 ชม
วัดสนามเหนือ วัดสวย ในจังหวัดนนทบุรี
ถอดรหัส "จีน 3 สี"
รวมภาพตลกขำขันประจำวันนี้ วันที่ลมแรง แถมอากาศเย็นสบาย น่านอนจริงๆเลยเน่อ
ถ้าเปรียบ ร่างกายมนุษย์เป็นคอมพิวเตอร์ การเปรียบเทียบระบบอันซับซ้อน
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด!โจรลุยน้ำท่วมงัดบ้านครูเกษียณ ขโมยทองคำ 10 บาท แหวนเพชร เงินสด 3 หมื่น
“ทหารไม่รอช้า!เร่งเข้าช่วยประชาชนย่านตาขาว จ.ตรัง ท่ามกลางน้ำท่วมวิกฤต
ในหลวงพระราชทาน “โรงครัวพระราชทาน” ช่วยชาวหาดใหญ่ ด้าน ศบภ.ทภ.4 ระดมกำลังพลช่วยเหลืออุทกภัยภาคใต้ต่อเนื่อง

