สุขสันต์ วันสว่าง” ประกาศเลิกช่วยวัดพระบาทน้ำพุ หลังถูกอมค่าตัว
นักร้องลูกทุ่ง “สุขสันต์ วันสว่าง” เปิดใจ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องส่วนแบ่งเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 หนึ่งในนักร้องลูกทุ่งชื่อดังของไทย นายสุขสันต์ วันสว่าง อายุ 63 ปี เดินทางเข้าพบตัวแทน มูลนิธิรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง หลังจากมีกระแสข่าวลือว่านักร้องลูกทุ่งรายหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ส่วนแบ่งเงินบริจาค 70/30% จากวัดพระบาทน้ำพุ
นายสุขสันต์เปิดใจว่า ตนเองและเพื่อนศิลปินลูกทุ่งไม่เคยได้รับส่วนแบ่งเงินบริจาคในลักษณะดังกล่าวอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทุกครั้งที่ตนเข้าไปช่วยเหลือวัดเป็นไปด้วย ความศรัทธาและจิตใจบริสุทธิ์ ไม่เคยคิดค่าตัวหรือผลประโยชน์ใด ๆ
“ที่ผ่านมาเราไปช่วยวัดด้วยใจศรัทธา ไม่เคยคิดค่าตัว แต่เคยได้ยินเรื่องส่วนแบ่ง 70/30% จริง ซึ่งคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ที่เข้ามาจัดคอนเสิร์ตเพื่อหารายได้ให้กับทางวัด”
ความจริงเกี่ยวกับส่วนแบ่งเงินบริจาค
นายสุขสันต์ได้เล่าต่อถึงสาเหตุที่ตนและเพื่อนศิลปินลูกทุ่งเริ่มถอยห่างจากการช่วยเหลือวัดในระยะหลังว่า แม้ครั้งหนึ่งจะได้รับ เงินค่าน้ำมันจากผู้จัดงานเพียงครั้งละ 1,000–2,000 บาท แต่ภายหลังกลับพบข้อมูลที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจ
โดยอดีตเจ้าอาวาสของวัดมอบเงินให้ผู้จัดงาน ครั้งละ 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับศิลปินที่เข้าร่วมแสดง ทำให้กลุ่มศิลปินลูกทุ่งที่ทำงานด้วยใจศรัทธารู้สึกว่า ค่าตอบแทนที่ได้รับต่ำเกินไป และไม่สอดคล้องกับความตั้งใจในการช่วยเหลือวัด
เหตุการณ์นี้ทำให้ศิลปินกลุ่มลูกทุ่งตัดสินใจ ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับวัดอีกต่อไป แม้จะยังคงมีความศรัทธาและอยากช่วยเหลือ
การเดินทางเข้าพบมูลนิธิ
หลังจากทราบข่าวการจับกุมอดีตเจ้าอาวาส นายสุขสันต์จึงตัดสินใจเดินทางเข้าพบ มูลนิธิรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อ แสดงความจริงใจและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี
โดยเขาเน้นย้ำว่าทุกครั้งที่ตนไปช่วยเหลือวัด เป็นการกระทำด้วย ใจบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนได้เสีย และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายใด ๆ
ความเห็นจากมูลนิธิและที่ปรึกษากฎหมาย
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีรภ์สสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณณรงค์ฯ เปิดเผยว่า ข้อมูลจากนายสุขสันต์จะถูก รวบรวมส่งให้ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานและพยานในคดีต่อไป
ขณะที่ นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของมูลนิธิ ให้ความเห็นว่า การกระทำของนายสุขสันต์เป็น การช่วยเหลือด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของวัด จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
บริบทของวงการเพลงลูกทุ่งและเพลงเพื่อชีวิต
เหตุการณ์นี้สร้างความสนใจในวงการเพลงไทย โดยเฉพาะ วงการเพลงลูกทุ่งและเพลงเพื่อชีวิต เนื่องจากมีข้อสงสัยว่ากลุ่มศิลปินบางส่วนอาจถูกนำไปเกี่ยวข้องกับส่วนแบ่งเงินบริจาคในลักษณะ 70/30% ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตามอง
นายสุขสันต์ชี้แจงว่า กลุ่มศิลปินลูกทุ่งที่เขาร่วมงานด้วย ไม่เคยเกี่ยวข้องหรือได้รับส่วนแบ่งใด ๆ การไปช่วยเหลือวัดเป็นเพราะ ความศรัทธาและความตั้งใจช่วยเหลือสังคม
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์การจัดคอนเสิร์ตหาเงินบริจาคของศิลปินเพื่อชีวิต อาจสร้างความเข้าใจผิดได้ หากมีการ แบ่งส่วนรายได้ไม่ชัดเจนหรือไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ
บทเรียนและข้อคิด
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความศรัทธาและความตั้งใจดี ในการทำงานอาสาสมัครหรือช่วยเหลือสังคม อาจถูกตีความหรือเข้าใจผิดได้ง่าย หาก ไม่มีความโปร่งใสในการจัดการเงินบริจาค
สิ่งสำคัญคือ ศิลปินและผู้จัดงานทุกคนควรมี ความชัดเจนในการบริหารเงินบริจาค เปิดเผยต่อสาธารณะ และจัดทำบัญชีอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและปัญหาทางกฎหมาย
นายสุขสันต์และเพื่อนศิลปินลูกทุ่งเป็นตัวอย่างของ ผู้ที่ทำงานด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังผลตอบแทน แม้จะมีข่าวลือหรือความเข้าใจผิดเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ใจและความตั้งใจในการช่วยเหลือวัดและสังคม
การให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
นายสุขสันต์เน้นย้ำว่า การเข้าพบมูลนิธิฯ และการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็น การกระทำเพื่อความโปร่งใสและให้ความร่วมมือ
“ผมต้องการให้ทุกอย่างชัดเจนว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับส่วนแบ่งเงินบริจาคใด ๆ เราไปช่วยวัดด้วยใจศรัทธา และหวังเพียงช่วยเหลือสังคมเท่านั้น”
การให้ข้อมูลในลักษณะนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถ แยกแยะผู้เกี่ยวข้องจริงกับผู้ที่เข้าไปช่วยด้วยความศรัทธา และเป็นหลักฐานสำคัญในการสืบสวนคดี
สรุป
กรณีส่วนแบ่งเงินบริจาค 70/30% จากวัดพระบาทน้ำพุ สร้างความสนใจในวงการศิลปินและสังคมไทยเป็นอย่างมาก แม้จะมีการเชื่อมโยงกับศิลปินบางกลุ่ม แต่ นายสุขสันต์ วันสว่าง นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ยืนยันชัดเจนว่า ตนเองและเพื่อนศิลปินลูกทุ่งไม่ได้รับส่วนแบ่งใด ๆ
ทุกการช่วยเหลือเป็นไปด้วย ใจศรัทธาและบริสุทธิ์ใจ การเข้าพบมูลนิธิฯ และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ถือเป็น ตัวอย่างที่ดีของการทำงานด้วยความโปร่งใส
เรื่องราวนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ ความโปร่งใสในการจัดการเงินบริจาคและการแยกแยะบทบาทของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า การช่วยเหลือสังคมและวัดทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง ๆ












