ช็อก! ซุง ศตาวิน เจ้าของตลาดเซฟ วันโก เผยขาดทุนหนัก เดือนละล้าน
ซุง ศตาวิน บุญเรือง นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง เปิดใจปัญหาตลาดเซฟวัน Save One
ทำเอาชาวโซเชียลและแฟนคลับหลายคนตกใจกับเรื่องราวของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ซุง ศตาวิน บุญเรือง หนึ่งในผู้บริหารสำคัญของ ตลาดเซฟวัน (Save One) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นชื่อเสียงมาจากจังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โคราช โดยเจ้าตัวเป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ พร้อมทั้งนำเสนอคอนเทนต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
ซุง ศตาวิน เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดเปิดกว้างและกล้าแชร์เรื่องราวเบื้องหลังธุรกิจให้ผู้ติดตามได้รับชม ผ่านช่องทาง TikTok: iamsungstarwin ซึ่งทำให้แฟน ๆ สามารถติดตามการดำเนินธุรกิจและแนวคิดของเขาได้อย่างใกล้ชิด
เปิดใจเรื่องตลาดเซฟวัน (Save One Go)
ล่าสุด ซุง ศตาวิน ได้เปิดใจผ่านคลิปวิดีโอใน TikTok ของตนเองเกี่ยวกับธุรกิจตลาดเซฟวัน หรือ Save One Go ซึ่งเป็นตลาดที่เคยสร้างความฮือฮาให้กับวงการธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดแห่งนี้ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับ การขาดทุนจำนวนมากถึงเดือนละ 1 ล้านบาท
ซุงเผยว่า แม้ตลาดเซฟวันจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและได้รับความนิยมจากผู้ค้าและผู้บริโภค แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของธุรกิจใหม่ที่ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายสูงและรายได้ที่ยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย
เขายังอธิบายว่า ปัญหาการขาดทุนในตลาดเซฟวันนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจาก ต้นทุนการบริหารจัดการ ทั้งในด้านค่าเช่าพื้นที่ ค่าพนักงาน การตลาด และการจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดผู้บริโภค ทำให้รายจ่ายสูงกว่าเงินที่หมุนเวียนเข้ามาในช่วงแรก
ความท้าทายของนักธุรกิจรุ่นใหม่
การทำธุรกิจโดยเฉพาะในตลาดสดหรือธุรกิจที่มีผู้บริโภคจำนวนมาก เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ซุง ศตาวิน ให้ความเห็นว่า การลงทุนในธุรกิจใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องเตรียมใจรับความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า
เขากล่าวว่า "การทำธุรกิจมันไม่เหมือนการลงทุนเล่น ๆ บางเดือนเราขาดทุน บางเดือนเรากำไร แต่สิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการให้สมดุลและรักษาเงินทุนไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่"
นอกจากนี้ ซุงยังได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวว่า การเปิดเผยปัญหาของตลาดเซฟวันต่อสาธารณชน เป็นสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อให้ผู้ติดตามและผู้สนใจในธุรกิจเข้าใจภาพรวมทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ด้านที่ประสบความสำเร็จ
การใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสื่อสาร
หนึ่งในเหตุผลที่ซุง ศตาวิน เลือกใช้ TikTok เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารเรื่องธุรกิจ เพราะต้องการให้แฟน ๆ และผู้ติดตามเข้าใจทั้งด้านบวกและด้านลบของธุรกิจ
เขาโพสต์คลิปอธิบายเรื่องราวการขาดทุนและความท้าทายต่าง ๆ ที่ตลาดเซฟวันต้องเผชิญ พร้อมแชร์ วิธีการแก้ไขปัญหาและปรับกลยุทธ์ เพื่อให้ธุรกิจกลับมามีกำไร
ซุงยังเน้นย้ำว่า การสื่อสารแบบเปิดเผยนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ติดตามเท่านั้น แต่ยังเป็น แนวทางให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่อาจกำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน
ปรับกลยุทธ์เพื่อฟื้นฟูตลาด
จากปัญหาการขาดทุน ซุง ศตาวิน เล่าว่า ทีมบริหารได้วิเคราะห์จุดอ่อนของตลาดและวางแผนกลยุทธ์ใหม่ เช่น
1. การลดต้นทุนและปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ของตลาด
2. ส่งเสริมการตลาดและโปรโมชั่น ดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
3. ปรับปรุงระบบการจัดการภายใน เพื่อให้พนักงานและผู้ค้าในตลาดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. สร้างคอนเทนต์และสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภครับทราบข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ของตลาด
กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ตลาดเซฟวันสามารถฟื้นตัวและสร้างรายได้ที่มั่นคงมากขึ้นในระยะยาว
บทเรียนจากการเผชิญปัญหา
ซุง ศตาวิน ยังได้แชร์ บทเรียนสำคัญ ที่ได้จากการบริหารตลาดเซฟวันให้แฟน ๆ ได้เรียนรู้ร่วมกัน เช่น
การเผชิญหน้ากับความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ
การสื่อสารแบบโปร่งใสกับผู้สนับสนุนและผู้ติดตามเป็นสิ่งสำคัญ
การปรับตัวและคิดกลยุทธ์ใหม่เป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูธุรกิจ
การเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นประสบการณ์ที่มีค่าและช่วยให้เติบโตในระยะยาว
บทเรียนเหล่านี้ถือเป็น ตัวอย่างที่ดีสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ต้องการเข้าใจวงจรของการลงทุนและการบริหารธุรกิจจริง
การตอบรับจากชาวโซเชียล
หลังจากคลิปของซุง ศตาวิน ถูกเผยแพร่ไปใน TikTok และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ชาวโซเชียลหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม
ผู้ติดตามหลายคนชื่นชมความ เปิดเผยและซื่อสัตย์ ของเขา พร้อมกับให้กำลังใจว่า ทุกธุรกิจมีขึ้นมีลง และการแชร์ประสบการณ์ตรงนี้ช่วยให้ผู้คนเข้าใจความจริงของธุรกิจมากขึ้น
นอกจากนี้ มีผู้ติดตามบางส่วนแสดงความคิดเห็นว่า การเปิดใจเกี่ยวกับปัญหาการขาดทุน ทำให้ซุงดู เข้าถึงง่ายและน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะนักธุรกิจหลายคนมักจะไม่เผยแพร่เรื่องด้านลบของธุรกิจให้คนภายนอกรับรู้
แนวโน้มธุรกิจตลาดเซฟวันในอนาคต
แม้ว่าตลาดเซฟวันจะเคยประสบปัญหาการขาดทุน แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์และการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าตลาดแห่งนี้มีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต
ซุง ศตาวิน กล่าวว่า ตลาดเซฟวันยังคงมี โอกาสทางธุรกิจสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ค้ารายย่อยและลูกค้าที่สนใจสินค้าในราคาย่อมเยา และตลาดแห่งนี้ยังสามารถเป็น ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการปรับตัว แม้จะเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก
เขายังเสริมว่า เป้าหมายของตลาดเซฟวันในปีต่อไป คือการขยายสาขาและเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
สรุป
เรื่องราวของ ซุง ศตาวิน บุญเรือง และตลาดเซฟวัน (Save One) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กล้าเผชิญความล้มเหลวและเปิดใจให้สาธารณชนได้รับรู้ การแชร์ประสบการณ์ตรงนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ติดตาม แต่ยังเป็นบทเรียนที่มีคุณค่าให้กับผู้ที่สนใจธุรกิจทุกคน
จากคลิปที่เผยแพร่ใน TikTok แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่โปร่งใส การปรับกลยุทธ์และการสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็น แนวทางสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน
แม้ตลาดเซฟวันจะเคยประสบปัญหาการขาดทุนถึงเดือนละ 1 ล้านบาท แต่การปรับกลยุทธ์ การสื่อสารกับผู้ติดตาม และการเรียนรู้จากความผิดพลาด ทำให้ตลาดแห่งนี้ยังคงมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในอนาคต
การเปิดใจของนักธุรกิจรุ่นใหม่อย่างซุง ศตาวิน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในคืนเดียว แต่เกิดจากการเรียนรู้ ปรับตัว และมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง












