งานเข้า!ศาลสั่งจำคุก "มารี เบรินเนอร์" 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา
ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาคดี “มารี เบรินเนอร์” เมาแล้วขับ – ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ลงโทษจำคุก ปรับเงิน และรอลงอาญา
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ถูกสังคมจับตามองอย่างกว้างขวาง สำหรับคดีความของนักแสดงสาวชื่อดัง มารี เบรินเนอร์ หลังจากตกเป็นข่าวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจแอลกอฮอล์ ณ ด่านตรวจในกรุงเทพมหานคร แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้ความร่วมมือในการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์
ล่าสุด ศาลแขวงพระนครเหนือได้มีการพิจารณาคดี และมีคำพิพากษาออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีรายละเอียดทั้งโทษจำคุก ปรับเงิน พักใช้ใบขับขี่ รวมถึงการคุมประพฤติ ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ย้อนไปในคืนวันที่ 24 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณตีสองครึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ในเขตกรุงเทพฯ ได้เรียกตรวจรถยนต์ของ มารี เบรินเนอร์ ซึ่งในขณะนั้นเธอมีท่าทีคล้ายอยู่ในอาการมึนเมา เจ้าหน้าที่จึงขอให้เป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า มารีไม่ยินยอมให้ตรวจ และแสดงพฤติกรรมขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน พร้อมมีปากเสียงในระดับหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และเข้าข่ายความผิดทางอาญา
นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า แฟนหนุ่มที่นั่งมาในรถด้วยก็มีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่เช่นกัน จนถึงขั้นถูกตั้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
ข้อกล่าวหาและการรับสารภาพ
หลังจากถูกควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจ ทั้ง มารี เบรินเนอร์ และแฟนหนุ่ม ได้ถูกตั้งข้อหาอย่างชัดเจน โดยรายละเอียดมีดังนี้
ข้อหาที่มารี เบรินเนอร์ ถูกตั้ง
1. ขับรถในขณะเมาสุรา
2. ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน
ในชั้นศาล มารีได้ให้การรับสารภาพต่อทุกข้อกล่าวหา ซึ่งทำให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ข้อหาที่แฟนหนุ่มถูกตั้ง
1. ดูหมิ่นซึ่งหน้าเจ้าพนักงาน
2. ดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่
3. ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
เช่นเดียวกัน แฟนหนุ่มก็ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ทำให้ศาลสามารถมีคำพิพากษาได้โดยไม่ต้องใช้เวลายืดเยื้อ
คำพิพากษาของศาลแขวงพระนครเหนือ
ภายหลังจากการพิจารณาคดี ศาลได้มีคำตัดสินดังนี้
สำหรับมารี เบรินเนอร์
โทษจำคุก : 2 เดือน
โทษปรับ : 4,000 บาท
โทษรอลงอาญา : รอลงอาญา 2 ปี
คุมประพฤติ : 1 ปี ต้องรายงานตัวตามนัดหมาย และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
พักใช้ใบขับขี่ : เป็นเวลา 6 เดือน
บริการสังคม : 12 ชั่วโมง
สำหรับแฟนหนุ่ม
โทษจำคุก : 1 เดือน
โทษปรับ : 10,000 บาท
โทษรอลงอาญา : รอลงอาญา 1 ปี
มุมมองทางกฎหมาย
คดีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนของการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจราจรและการปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน หากประชาชนปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจวัดแอลกอฮอล์ จะถูกสันนิษฐานว่าอยู่ในอาการเมาสุราโดยปริยาย และถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
ทนายความผู้เชี่ยวชาญคดีจราจร ให้ความเห็นว่า การที่ศาลพิพากษาในลักษณะนี้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติมาตรฐาน เนื่องจากจำเลยทั้งสองได้ให้การรับสารภาพ จึงมีการลดโทษและรอลงอาญา แต่หากมีการกระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลาที่ถูกคุมประพฤติ โทษจำคุกที่ถูกลงโทษไว้จะถูกนำมาบังคับใช้ทันที
ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมารี เบรินเนอร์
ในฐานะที่มารีเป็นนักแสดงชื่อดังที่มีแฟนคลับจำนวนมาก การมีข่าวเกี่ยวกับคดีอาญาและการเมาแล้วขับ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในสายตาของสังคมที่มักคาดหวังให้บุคคลสาธารณะเป็นแบบอย่างที่ดี
หลังจากคำพิพากษา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ทั้งในแง่ที่ตำหนิพฤติกรรมของเธอ และในแง่ที่ให้กำลังใจว่าเธอควรได้รับโอกาสแก้ไขความผิดพลาดในชีวิต
ปฏิกิริยาจากโซเชียลมีเดีย
กลุ่มหนึ่งมองว่า การกระทำของมารีเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เนื่องจากเมาแล้วขับถือเป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อสังคมและผู้อื่น หากศาลไม่เข้มงวด อาจเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดให้กับประชาชนทั่วไป
อีกกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า การที่เธอออกมายอมรับผิดและให้การสารภาพ ถือเป็นเรื่องที่ควรชื่นชม เพราะอย่างน้อยก็แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และหวังว่าจะไม่ทำผิดซ้ำอีกในอนาคต
เส้นทางชีวิตหลังจากนี้
หลังจากคดีสิ้นสุด คำถามที่หลายคนสงสัยคือ มารี เบรินเนอร์ จะกลับมามีผลงานในวงการบันเทิงอีกครั้งอย่างไร จะมีผลกระทบต่อการรับงานหรือสัญญากับต้นสังกัดหรือไม่
หากเธอสามารถพิสูจน์ตัวเองว่าเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนี้ และกลับมาสร้างผลงานที่มีคุณภาพได้ เชื่อว่าผู้ชมจำนวนไม่น้อยก็พร้อมที่จะให้โอกาสอีกครั้ง
บทสรุป
คดีของ มารี เบรินเนอร์ เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือดารานักแสดงชื่อดัง กฎหมายก็มีผลบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม การเมาแล้วขับและขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานไม่ใช่เรื่องเล็ก และอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งในด้านกฎหมาย ชื่อเสียง และอนาคต
ในครั้งนี้แม้เธอจะได้รับการรอลงอาญา แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่า การตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีสามารถนำพามาซึ่งผลกระทบใหญ่หลวงได้






