ป๋อมแป๋มฟาดแรง! เมาแล้วขับไม่มีข้อยกเว้น ดาราก็หนีไม่พ้นกฎหมาย
ป๋อมแป๋ม พูดตรง! กรณี “มารี เบรินเนอร์” เมาแล้วขับ – ไม่ว่าดาราหรือใครก็ต้องอยู่ใต้กฎหมาย
กลายเป็นประเด็นที่สังคมออนไลน์ให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง หลังจากที่ มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาวชื่อดัง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “เมาแล้วขับ” ภายหลังถูกเรียกตรวจและพบว่ามีพฤติกรรมต้องสงสัย แต่เธอกลับปฏิเสธที่จะเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์
เรื่องนี้ถูกหยิบยกไปพูดคุยในรายการ “ปูเสื่อรอ” เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 โดยมี ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาทร พิธีกรชื่อดัง ร่วมแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา พร้อมด้วยเพื่อนคู่หู ปิงปอง ธงชัย ที่นั่งเคียงข้าง
“เมื่อคืนมารีไม่ต้องนอนห้องขังเหรอ?” – คำถามตรงกลางรายการ
ในรายการดังกล่าว ได้มีการหยิบยกคำถามที่หลายคนสงสัยว่า “ทำไมมารี เบรินเนอร์ ถึงไม่ต้องนอนห้องขัง?”
ป๋อมแป๋มจึงได้อธิบายอย่างชัดเจนว่า กระบวนการตามกฎหมายของคดีเมาแล้วขับนั้น สามารถยื่นประกันตัวได้ โดยวงเงินทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือดาราก็ใช้หลักการเดียวกัน
“ประกันตัวได้ 20,000 บาทค่ะ ฉันไม่ขับรถนะ แต่เมื่อก่อนฉันมักได้รับโทรศัพท์ตอนตีสอง ตีสาม เพื่อนโทรมาขอให้ไปช่วยประกันตัว เพราะโดนข้อหาเมาแล้วขับ ฉันก็ไปนะ ประกันตัวออกมาได้ แล้ววันรุ่งขึ้นต้องไปรายงานตัวต่อศาล เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและเข้าสู่กระบวนการ เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ หรือรับโทษตามที่ศาลสั่ง”
ไม่ว่าดาราหรือใคร ก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ปิงปอง ได้แสดงความเห็นเสริมว่า หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าคนดังหรือดารามีอภิสิทธิ์พิเศษ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ทุกคนที่กระทำผิดในข้อหาเมาแล้วขับ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน
“ไม่ใช่ว่าดาราจะอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ ใครจะมีชื่อเสียงหรือไม่มีชื่อเสียงก็ต้องโดนระบอบนี้เหมือนกัน”
(ป๋อมแป๋ม: “ใช่ๆ”)
คำพูดนี้ย้ำให้เห็นว่า กฎหมายเป็นสิ่งที่เสมอภาคต่อทุกคน และการเป็นคนดังไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้นจากความรับผิดชอบทางกฎหมาย
ป๋อมแป๋มสะท้อน “เมาไม่ขับ” หมดยุคข้ออ้างแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือป๋อมแป๋มได้พูดถึงประเด็น “เมาแล้วขับ” ว่าเป็นเรื่องที่สังคมพูดกันมานาน แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืนอยู่เสมอ
“เรื่องเมาไม่ขับ พูดกันไม่รู้กี่ปีแล้ว เมื่อก่อนฉันก็พูดตรงๆ ว่า เมาไม่ขับแล้วจะกลับยังไง? เมื่อก่อนยังพอมีข้ออ้าง แต่สมัยนี้มันหมดยุคแล้วค่ะ เพราะมีบริการเดินทางให้เลือกเยอะ ทั้งแท็กซี่ แกร็บ ไรเดอร์ หรือแม้แต่เพื่อนก็สามารถมารับได้ ไม่ควรมีข้ออ้างอีกต่อไป”
เขายังเล่าต่อว่า แม้แต่ร้านเหล้าที่เปิดให้บริการ ก็ยังต้องขึ้นป้ายเตือนลูกค้าว่า “เมาแล้วอย่าขับ” และแนะนำให้เรียกรถโดยสารกลับบ้านแทนที่จะเสี่ยงอันตราย
“จากคนเปิดร้านเหล้าเอง ฉันยังต้องติดประกาศเลยนะ ว่าเรียกรถเถอะ ตรงทางออกก็จะมีบริการไว้ให้ ไม่ไหวอย่าฝืน มันคือความรับผิดชอบต่อส่วนรวม”
ทำไม “เมาแล้วขับ” ถึงอันตรายร้ายแรง?
สาเหตุที่กฎหมายเอาจริงกับคดีเมาแล้วขับ ก็เพราะพฤติกรรมนี้เป็น ภัยสังคม ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ทุกเมื่อ โดยข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่า
ทุกปีมีอุบัติเหตุทางถนนกว่า 20,000 ครั้ง ที่มีสาเหตุมาจาก “เมาแล้วขับ”
อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุประเภทนี้สูงถึง 40% ของทั้งหมด
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืนถึงเช้ามืด โดยเฉพาะเทศกาลและวันหยุดยาว
ดังนั้น กฎหมายจึงกำหนดโทษรุนแรงเพื่อยับยั้งพฤติกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็น โทษจำคุก ปรับสูงสุดหลายแสนบาท เพิกถอนใบขับขี่ และต้องบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม
มารี เบรินเนอร์ – จากนางเอกดังสู่คดีสังคมจับตา
กรณีของ มารี เบรินเนอร์ สะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่คนดังที่มีภาพลักษณ์ดีในสังคมก็อาจพลาดได้ ซึ่งยิ่งทำให้สังคมสนใจมากขึ้น เพราะคนดังมักถูกใช้เป็น “ตัวอย่าง” ทั้งในด้านดีและด้านเสีย
หลายเสียงในสังคมมองว่า คดีของมารีอาจเป็น บทเรียนสำคัญ ที่ช่วยกระตุ้นให้คนตระหนักว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” และการเมาแล้วขับไม่ควรถูกมองเป็นเรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป
บทเรียนที่ควรจำ – “อย่าปล่อยให้ความสนุกจบลงที่ความสูญเสีย”
ป๋อมแป๋มปิดท้ายประเด็นนี้ด้วยการฝากข้อคิดถึงสังคมว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรเปลี่ยนมุมมอง “เมาไม่ขับ” ไม่ใช่แค่คำขวัญ แต่คือ ความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในสังคม
“เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ เดี๋ยวนี้เขามีบริการมากมาย อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเสี่ยงเลย”
สรุป
กรณี “มารี เบรินเนอร์” ถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับ กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สะท้อนหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น
กระบวนการยุติธรรมที่เสมอภาค ไม่ว่าดาราหรือใครก็ต้องเข้าสู่กฎหมายเหมือนกัน
ความเห็นตรงไปตรงมาของ “ป๋อมแป๋ม” ที่ย้ำว่าหมดยุคข้ออ้างแล้วสำหรับการเมาแล้วขับ
การตอกย้ำถึงความรับผิดชอบส่วนรวม ที่ทุกคนต้องร่วมกันป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน
สุดท้ายแล้ว บทเรียนครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของมารี เบรินเนอร์เท่านั้น แต่เป็น คำเตือนถึงทุกคน ว่า “การดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ” อาจนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
















