พบทุ่นระเบิด PMN-2 ใหม่กริ๊บ 3 ลูก ชี้ฝีมือเขมรลอบป่วนชายแดน
เหตุระทึกชายแดน! สิบเอกธีรพล เพียขันที เหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 ระหว่างลาดตระเวน พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม – กองทัพภาคที่ 2 พบเพิ่มอีก 3 ทุ่น “สภาพใหม่พร้อมใช้งาน” ยืนยันอยู่ในเขตไทย
สุรินทร์, 12 สิงหาคม 2568 – เหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นในวันแม่แห่งชาติ เมื่อสิบเอกธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณฐานปฏิบัติการจุบตะโมก ใกล้พื้นที่โบราณสถานปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาซ้ายขาด และต้องลำเลียงส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ปลุกกระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของพื้นที่ชายแดนอีกครั้ง เนื่องจากทุ่นระเบิดถูกพบอยู่ในสภาพใหม่และพร้อมใช้งาน แตกต่างจากทุ่นระเบิดเก่าที่อาจเหลือจากช่วงสงครามในอดีต
เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
ช่วงเช้าวันที่ 12 สิงหาคม หน่วยลาดตระเวนจากกองร้อยทหารพรานที่ 2610 ได้เคลื่อนกำลังตรวจสอบเส้นทางบริเวณจุบตะโมก เพื่อรักษาความปลอดภัยแนวชายแดนและป้องกันการลักลอบเข้าออกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีสิบเอกธีรพล เพียขันที เป็นหนึ่งในกำลังพลที่เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้
ขณะเดินสำรวจตามเส้นทางลาดตระเวน ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นพร้อมกลุ่มควันฟุ้งกระจาย สิบเอกธีรพลล้มลงกับพื้นท่ามกลางเสียงตะโกนของเพื่อนทหารในพื้นที่ ปรากฏว่าขาซ้ายของเขาถูกแรงระเบิดตัดขาดเหนือเข่า ทำให้เสียเลือดมาก
หน่วยพยาบาลสนามเข้าช่วยเหลือในทันที โดยทำการห้ามเลือดและส่งตัวไปยังโรงพยาบาลพนมดงรัก ก่อนเคลื่อนย้ายต่อไปยังโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดและดูแลอย่างใกล้ชิด
ทุ่นระเบิดที่พบ – PMN-2 “สภาพใหม่พร้อมใช้งาน”
หลังเหตุการณ์เพียงไม่กี่ชั่วโมง กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) และทีมพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ทันที เพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบจุดระเบิดและตรวจสอบว่ามีวัตถุระเบิดเหลืออยู่หรือไม่
ผลการตรวจสอบพบว่า นอกจากทุ่นระเบิดที่สิบเอกธีรพลเหยียบจนเกิดระเบิดแล้ว ยังมีการตรวจพบ ทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 เพิ่มอีกจำนวน 3 ลูก ซึ่งน่าตกใจคือ ทุ่นเหล่านี้อยู่ในสภาพใหม่ ไม่ใช่วัตถุที่เหลือจากสงครามในอดีต พร้อมที่จะทำงานได้หากถูกกดหรือเหยียบ
เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้งสามลูกอย่างระมัดระวัง ก่อนส่งต่อให้หน่วยงานด้านพิสูจน์หลักฐานเพื่อเก็บข้อมูลและวิเคราะห์แหล่งที่มา โดยยืนยันว่าจุดที่พบทั้งหมดอยู่ภายในเขตอธิปไตยของประเทศไทย
ข้อมูลเกี่ยวกับทุ่นระเบิด PMN-2
ทุ่นระเบิด PMN-2 เป็นทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความเสียหายรุนแรงต่อร่างกายมนุษย์ โครงสร้างทำจากพลาสติกเพื่อลดการตรวจจับด้วยเครื่องตรวจโลหะ ภายในบรรจุวัตถุระเบิด TNT และมีระบบจุดระเบิดที่ไวต่อแรงกดเพียงเล็กน้อย
จุดอันตรายคือ PMN-2 สามารถซ่อนอยู่ใต้ดินหรือใบไม้ได้อย่างแนบเนียน ทำให้ผู้เดินผ่านไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมักทำให้ผู้ประสบเหตุสูญเสียแขนหรือขาในทันที และอาจเสียชีวิตหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม – พื้นที่ประวัติศาสตร์และความขัดแย้ง
บริเวณปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้ชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม พื้นที่นี้เคยเป็นสมรภูมิความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาในอดีต และบางส่วนของแนวชายแดนยังคงมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่
แม้รัฐบาลไทยและองค์กรระหว่างประเทศจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาอย่างต่อเนื่องหลายปี แต่เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดที่เพิ่งถูกนำมาวางใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเร่งสอบสวนอย่างจริงจัง
ปฏิกิริยาจากกองทัพและหน่วยงานความมั่นคง
พลโทผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่ออาการของสิบเอกธีรพล พร้อมกำชับให้เร่งรัดการสืบสวนหาที่มาของทุ่นระเบิด รวมถึงเพิ่มมาตรการลาดตระเวนและตรวจสอบเส้นทางในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เพิ่มการฝึกอบรมกำลังพลด้านการตรวจหาและเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศด้านการเก็บกู้วัตถุระเบิด เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน
ผลกระทบต่อชุมชนชายแดน
เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรและทำมาหากิน หลายครอบครัวแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเองและบุตรหลาน โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่ชาวบ้านต้องเข้าไปทำงานใกล้เขตชายแดน
ผู้นำชุมชนได้เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเร่งกวาดล้างพื้นที่เสี่ยง และติดตั้งป้ายเตือนอย่างชัดเจน รวมถึงให้ความรู้กับประชาชนในการสังเกตและหลีกเลี่ยงวัตถุระเบิด
บทเรียนและความท้าทาย
แม้ประเทศไทยจะเป็นภาคีอนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้และเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติตามอนุสัญญายังคงเผชิญความท้าทาย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีความขัดแย้งทางดินแดนและมีการเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธ
การพบทุ่นระเบิด “สภาพใหม่” บ่งชี้ว่ามีผู้ลักลอบนำมาวางในช่วงเวลาไม่นานมานี้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายและเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและชีวิตประชาชนอย่างร้ายแรง
สรุป
เหตุการณ์สิบเอกธีรพล เพียขันที เหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เป็นเครื่องเตือนใจว่า พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชายังคงมีความเสี่ยงจากวัตถุระเบิด และต้องการมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น
การค้นพบทุ่นระเบิดเพิ่มเติมอีก 3 ลูกในสภาพใหม่ แสดงให้เห็นว่าภัยคุกคามยังไม่หมดไป และจำเป็นต้องมีการสืบสวนอย่างจริงจังเพื่อหาผู้รับผิดชอบ พร้อมทั้งเร่งดำเนินการเก็บกู้เพื่อความปลอดภัยของทั้งกำลังพลและประชาชนในพื้นที่














