กัมพูชาหยุดรับไฟจากไทย ❝เพื่อนบ้านเริ่มพึ่งพาตัวเองได้ เราควรดีใจ... หรือระแวง?❞
เมื่อกัมพูชาย้ายไปใช้ไฟฟ้าจากโครงข่ายภายในประเทศ เส้นทางพัฒนาที่น่าร่วมยินดี ในเงามืดของความขัดแย้งชายแดน
มีข่าวหนึ่งที่อาจเล็ดรอดสายตาไป ท่ามกลางคลื่นกระแสแห่งความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ข่าวที่ไม่ได้ขึ้นพาดหัวตัวโต ไม่ได้กระตุกความรู้สึกเท่าเสียงปืนที่ดังลั่นในบางพื้นที่ แต่กลับมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ลึกๆ เกินกว่าที่สายตาจะมองเห็นได้ในแวบแรก
วันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ของไทย ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันกัมพูชาไม่ได้รับไฟฟ้าจากไทยอีกแล้ว ทั้ง 9 จุดที่เคยมีการซื้อขาย ได้ถูกระงับไปอย่างเงียบๆ ไม่ใช่เพราะเราหยุดขาย แต่เพราะฝั่งกัมพูชา “หันไปใช้ระบบไฟฟ้าภายในประเทศของตัวเองแล้ว”
ในช่วงเวลาที่สองประเทศกำลังอยู่ในภาวะตึงเครียด ข่าวนี้อาจถูกตีความว่าเป็นการถอนตัว การลดพึ่งพา หรือแม้แต่การส่งสัญญาณตัดสัมพันธ์ แต่ถ้าเราลองหยิบแว่นอีกอันขึ้นมาสวม… มันก็อาจเป็นภาพของ "การเติบโต" ที่น่าร่วมแสดงความยินดีเสียมากกว่า
ระบบไฟฟ้าไม่ใช่แค่การส่งแรงดันจากสายหนึ่งไปสู่อีกสายหนึ่ง มันคือโครงสร้างของรัฐสมัยใหม่ คือเส้นเลือดของเศรษฐกิจ คือแสงสว่างของโรงเรียน โรงพยาบาล โรงงาน และความเป็นอยู่ของประชาชน
เพราะไฟฟ้าไม่ใช่แค่พลังงาน แต่คือพลังอำนาจ
การที่ประเทศหนึ่งสามารถผลิต จัดการ และกระจายไฟฟ้าของตัวเองได้อย่างมั่นคง นั่นคือสัญญาณของ “อธิปไตยทางพลังงาน” ซึ่งหมายถึงไม่ต้องอยู่ใต้เงาอิทธิพลของใคร
ในอดีต กัมพูชาจำเป็นต้องพึ่งพาไฟจากไทย เวียดนาม และลาว เพราะระบบภายในยังไม่เพียงพอ แต่วันนี้ประเทศนั้นเหมือนจะหันมากล่าวขอบคุณ แล้วบอกว่า “ตอนนี้ เราพอแล้วครับ”
ไม่ใช่เพราะหมดมิตรภาพ แต่เพราะเขาอาจพร้อมจะยืนบนขาของตัวเองแล้ว
ในโลกการเมืองระหว่างประเทศ การขายไฟฟ้าไม่ใช่แค่ธุรกิจธรรมดา มันคือเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ ใครควบคุมไฟ ใครก็มีอำนาจต่อรอง ยิ่งในยามวิกฤต พลังงานกลายเป็นหมากบนกระดานเจรจาได้ทันที
แต่เมื่อประเทศหนึ่งตัดสายไฟจากภายนอก แล้วสร้างโรงไฟฟ้าเอง วางสายส่งเอง และควบคุมระบบด้วยมือของตัวเอง นั่นหมายความว่าเขากำลังประกาศว่า “ฉันควบคุมชีวิตของตัวเองได้แล้ว” นั่นคือพลังที่แท้จริง
ลองนึกกลับกัน ถ้าวันหนึ่งไทยต้องพึ่งไฟจากกัมพูชา แล้วเกิดเหตุไม่สงบขึ้น กัมพูชาบอกว่า “หยุดส่งนะ” เราจะรู้สึกยังไง?
เพราะฉะนั้น เมื่อกัมพูชาสามารถยืนหยัดบนระบบไฟฟ้าของตัวเองได้ เราก็ควรจะหยุดมองพวกเขาด้วยสายตาเดิมๆ ได้แล้ว และลองหันมา “ยินดี” กับพัฒนาการของเขาอย่างแท้จริง
พื้นที่ที่เคยมีการซื้อขายไฟฟ้าทั้ง 9 จุด ล้วนอยู่ตามแนวชายแดนฝั่งตะวันออก ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นจุดตึงเครียด มีทหารประจำการ มีความเงียบปนระแวง และบางช่วงก็มีเสียงปืนที่ดังแทรกขึ้นมา
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นพื้นที่ที่สายไฟพาดผ่านข้ามพรมแดนมาตลอดหลายปี เป็นจุดที่เกษตรกรไทยกับกัมพูชาเดินสวนกันบนถนนลูกรัง เป็นดินแดนที่เคยมีการ “แบ่งปันพลังงาน” ให้กันโดยไม่ต้องมีคำประกาศทางการทูต
ชายแดนจึงไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นแบ่งแห่งความขัดแย้งเสมอไป มันอาจเป็น “สะพานไฟ” ที่เชื่อมต่อความไว้ใจระหว่างรัฐหนึ่งกับอีกรัฐหนึ่งได้ หากเรามองมันด้วยสายตาใหม่
เราจะเลือกมองอย่างไร ในวันที่เพื่อนบ้านเติบโต?
กัมพูชาอาจยังไม่ใช่มหาอำนาจด้านพลังงาน แต่มันกำลังเดินหน้าไปด้วยแรงของตัวเอง พลังน้ำจากเขื่อน พลังแสงอาทิตย์จากแดนร้อน และพลังถ่านหินจากทรัพยากรภายใน เริ่มก่อรูปเป็นระบบที่มั่นคงขึ้นทุกวัน
รัฐบาลของเขาออกมาประกาศชัดเจนว่า “ไม่จำเป็นต้องนำเข้าไฟฟ้าอีกต่อไป” ไม่ใช่เพราะแกล้งเมินมิตรประเทศ แต่เพราะพร้อมแล้วที่จะดูแลประชาชนของตัวเองด้วยศักยภาพที่มี
ในโลกของรัฐชาติ การพึ่งพาตัวเองคือภาวะที่ควรยกย่อง ไม่ใช่หวาดกลัว เพราะประเทศที่มีระบบมั่นคง ไม่ใช่ภัยคุกคามเสมอไป เขาอาจกลายเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแรงขึ้นในวันข้างหน้า
และบางครั้ง... การแสดงความยินดีต่อความก้าวหน้าของเพื่อนบ้าน ก็ไม่ใช่การอ่อนแอ แต่คือท่าทีของประเทศที่ “แข็งแกร่งพอจะไม่กลัวการเติบโตของคนอื่น”
💡 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็เหมือนแสงไฟ มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง ต้องมีการผลิต ต้องมีการส่ง
ต้องมีคนควบคุมจังหวะที่เหมาะสม ไฟจะสว่างก็ต่อเมื่อทุกส่วนทำงานพร้อมเพรียงกัน
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ที่จะดำรงอยู่ได้ด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ความจำเป็น
ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาในวันนี้ อาจทำให้ใครบางคนรู้สึกว่า
“ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องขายให้มันอีก” หรือ “ตัดขาดเลยจะดีกว่า”
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง แสงไฟไม่เคยเลือกข้าง มันแค่ไหลไปตามสายที่เชื่อมต่อกันไว้
และเมื่อกัมพูชาเลือกจะ “ผลิตแสงของตัวเอง” แล้วเราก็ควรยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่ให้เกียรติ
เพราะการมีเพื่อนบ้านที่แข็งแรง มีไฟฟ้าใช้เอง... ย่อมดีกว่าการมีเพื่อนบ้านที่ต้องร้องขออยู่เสมอ
“เราอาจไม่มีวันเลือกเพื่อนบ้านได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะมองพวกเขาอย่างไร”
ด่วน กองทัพไทยงัดหลักฐานเชิงประจักษ์ พบทุ่นระเบิด PMN-2 ถูก ฝังใหม่ ในเขตไทยจริง พร้อมโชว์ภาพทหารกัมพูชาถือพิกัด GPS ชัดเจน ลั่นไม่ยอมให้ใครบิดเบือนความจริง
ไทยจะสงบเมื่อไหร่ หมด"ฮุน เซน" ก็ยังมี "สม รังสี"
อาการปวดหลังแต่ละส่วน
จบทริปน้ำไม่อาบ รวมพลกว่า 7,000 คัน โดนจับรวมเกือบ 2,000 ราย ยึดรถ 10 คัน แถมเจอ เสw และ ขายน้ำท่อม คาเขาค้อ
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถ
ชายแดนศรีสะเกษเดือด "ฮุนเซน" อับอายเห็นธงชาติไทยปลิวบนภูมะเขือ วางแผนตี "ภูมะเขือ"คืน ส่งรถถัง 10 คัน รอบพื้นที่ภูมะเขือ
นางงามจักรวาลที่สวมมงกุฎในแผ่นดินไทย เส้นทางแห่งความทรงจำของความงาม
ปะทะคารมณ์ ไทยไทยกับทหารเขมร กรณีที่ ทหารเขมรต่อท่อข้ามแดน ขโมยน้ำฝั่งไทยใช้
ช่วยเสริมสร้างร่างกายที่อ่อนล้า 7 อาการด้วย วิตามิน ที่จำเป็นต่อร่างกาย สามารถพบได้ในอาหาร หากินง่าย
ศิริกัญญากล่าว แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคประชาชน กล่าว เราอยากเป็นรัฐบาลพรรคเดียวลั่นประชาชนอยากให้เราเป็นรัฐบาลจะแย่แล้ว
แคนาดาสุดทนตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังพบประชาชนถูกคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ในกัมพูชาหลอก เงิน ไป 1.6 พันล้านบาท ในปี 2024
เกิดเหตุไฟไหม้บนเที่ยวบินสกู๊ต หลังพาวเวอร์แบงค์ร้อนจัด
เกาะฟูก๊วก…เคยเป็นของกัมพูชาจริงไหม? มาย้อนดูประวัติที่หลายคนอาจไม่เคยรู้!
นักแสดงชื่อดัง "ดีโด้ เด ลา ปาซ" เสียชีวิตแล้ว
ชายแดนศรีสะเกษเดือด "ฮุนเซน" อับอายเห็นธงชาติไทยปลิวบนภูมะเขือ วางแผนตี "ภูมะเขือ"คืน ส่งรถถัง 10 คัน รอบพื้นที่ภูมะเขือ
"แก๊งนางฟ้า" แตกแล้ว! แห่รีโพสต์ "เจนี่" คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับตัว..ด้าน "แอน" ฟาดยับ! เห็นแก่ตัว
อยู่ดีๆสามีแอบถ่าย "รูปมือภรรยา" ส่งให้คนอื่น โดยซูมดูใกล้ๆ ทำให้ภรรยารู้สึกสงสัยและตกใจเมื่อพบข้อความในโทรศัพท์สามี
สถานการณ์ชายแดนลาว-กัมพูชา ร้อนระอุสุดๆ เพราะมีกระแสข่าวว่า (เขมร) กำลังย้ายหลักหมุดเขตแดนบริเวณชายแดนลาวแบบเงียบๆ จี้รบ.ส่งทหารคุมชายแดน
นักแสดงชื่อดัง "ดีโด้ เด ลา ปาซ" เสียชีวิตแล้ว
AOT-TH ยันเอง มือถือทหารเขมรมีคลิป "ฝัง" ทุ่นระเบิด สังหาร ชนิด pmn2 ในเขตไทย 