ไม่มีเสียงปืน แต่มีเสียงภาษี! ไทยตกลงอัตราภาษีสหรัฐฯ ที่ 19% จาก 36% หลังสงครามชายแดน
"ไม่มีเสียงปืน แต่มีเสียงภาษี! ไทยตกลงอัตราภาษีสหรัฐฯ ที่ 19% จาก 36% หลังสงครามชายแดน"
ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ไทยและกัมพูชาประกาศหยุดยิงหลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะชายแดนรุนแรง และเชื่อมโยงไปสู่แรงกดดันในระดับนานาชาติ ล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าจากไทยเหลือ **19% จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ถึง 36%**
🔍 ทำไมต้องปรับอัตราภาษี?
** “Team Thailand” ใช้เวลาเจรจานาน 7 เดือน** เพื่อผลักดันให้อัตราภาษีลดลงจากที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้ว่าจะขึ้นสูงถึง 36%
รัฐบาลไทยอ้างว่าการลดภาษีครั้งนี้สะท้อนความร่วมมือระหว่างประเทศและรักษาความสามารถแข่งขันของภาคส่งออกไทยในตลาดอเมริกา
💼 ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
สินค้าส่งออกหลัก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มีแนวโน้มติดภาษีน้อยลง ทำให้ ลดต้นทุนการแข่งขัน
ภาครัฐเตรียมมาตรการช่วยเหลือ เช่น สินเชื่ออ่อนดอกเบี้ย, เงินช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม, และ ปฏิรูปกฎระเบียบ เพื่อลดแรงกระแทกสำหรับผู้ประกอบการและเกษตรกร
ทำให้ **การคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2025 ปรับขึ้นเล็กน้อย จาก 2.1% เป็น 2.2%**
🧭 แต่จะสงบจริงหรือแค่ภาพลวง?
แม้จะไม่มีเสียงปืน แต่สถานการณ์ชายแดนที่เพิ่งสงบได้ไม่นาน สะท้อนว่า
"สงครามเศรษฐกิจ" อาจเข้ามาแทนที่สงครามทางกายภาพ
ภาษีอาจถึงจะแค่แค่ 19% แต่มันสะท้อนถึงแนวโน้มการแข่งขันและแรงกดดันระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันและราคาสินค้าในประเทศได้
💡 สรุปใจความสำคัญ
ไทยเจรจากับสหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าจาก 36% เหลือ 19%
ลดแรงกดดันต่อผู้ส่งออก และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
รัฐเตรียมมาตรการเยียวยา พร้อมเสนอภาษี 0% บางรายการจากสหรัฐฯ ด้วย
แม้มติหยุดยิงชายแดน แต่ผลกระทบในด้านภาษียังสะท้อนถึงเสถียรภาพที่เปราะบาง
🗣️ เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างไรต่อประเด็นนี้บ้าง?
– คุณเห็นด้วยที่ให้ลดภาษีเพราะเพื่อรักษาความสามารถแข่งขันของไทยหรือเปล่า?
– ภัยฝ่ายไหนที่อันตรายกว่า ตอนนี้คือสงครามทางกายภาพหรือสงครามทางเศรษฐกิจ?
ร่วมแลกเปลี่ยนกันได้ใต้กระทู้นี้เลยนะคะ 😊




















