ขีปนาวุธในชุมชน ยุทธศาสตร์สกปรก ใช้ชีวิตประชาชนเป็นโล่ห์
ในสมรภูมิที่ไร้เส้นแบ่งระหว่างกองทัพกับชาวบ้าน การใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ (human shield) คือหนึ่งในกลยุทธ์สงครามที่โหดร้ายที่สุด—และล่าสุด กัมพูชาถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีนี้กับประชาชนของตนเอง
🔥 พฤติกรรมที่ถูกกล่าวหา: ขีปนาวุธกลางชุมชน
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 กองทัพไทยเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมและรายงานข่าวกรองว่า กองกำลังกัมพูชาได้ตั้งฐานยิง BM-21 และปืนใหญ่ในบริเวณบ้านเรือนประชาชนในจังหวัดพระวิหาร ซึ่งอยู่ติดชายแดนไทย การกระทำเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ตั้งอาวุธในพื้นที่อ่อนไหว แต่ยัง จงใจใช้ประชาชนเป็นเกราะกำบังจากการตอบโต้ของกองทัพไทย
พูดง่าย ๆ คือ หากไทยจะโจมตีกลับเพื่อทำลายฐานยิง ก็อาจเผลอ สังหารพลเรือนจำนวนมากโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ประเทศไทยถูกประณามในเวทีระหว่างประเทศทันที แม้จะเป็นฝ่ายตั้งรับ
ทำไมถึงทำแบบนี้?
1. สร้างภาพฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ร้าย:
หากมีพลเรือนตายจากการโจมตีของไทย กัมพูชาสามารถกล่าวหาว่าไทย "สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์" และเรียกร้องความเห็นใจจากนานาชาติ
2. ลดโอกาสถูกโจมตี:
การตั้งฐานในชุมชนทำให้ฝ่ายตรงข้ามลังเลที่จะโจมตี เพราะเกรงว่าจะละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
3. บีบบังคับทางการเมือง:
สร้างแรงกดดันทางการทูตต่อฝ่ายตรงข้าม ให้ต้องเจรจาหรือถอนกำลังแทนการใช้กำลังโต้กลับ
⚖️ ความผิดตามกฎหมายระหว่างประเทศ
การนำพลเรือนมาใช้เป็นเกราะกำบังจากการสู้รบ ถือเป็น อาชญากรรมสงคราม ตามอนุสัญญาเจนีวาและธรรมนูญกรุงโรมของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)
> “ห้ามมิให้มีการใช้ผู้ไม่เกี่ยวข้องกับการรบเป็นเครื่องป้องกันฐานทัพหรือเป้าหมายทางทหารโดยเด็ดขาด”
— ข้อบัญญัติของ Additional Protocol I, Article 51
ประชาชนในเขตบ้านใกล้ชายแดนต้องอพยพหนีตายหลายหมื่นราย บางรายเสียชีวิตเพราะการตอบโต้ หรือเพราะอยู่ใกล้จุดยิง ลูกหลงไม่เคยเลือกเป้าหมาย เมื่ออาวุธสงครามถูกนำเข้าหมู่บ้าน หมู่บ้านก็กลายเป็นสนามรบ โดยที่ชาวบ้านไม่อาจเลือกได้เลยว่าจะ “เป็นกลาง” หรือไม่
เสียงจากประชาคมโลก
องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง รวมถึง Human Rights Watch ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ หยุดใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ โดยย้ำว่า “แม้จะมีเป้าหมายทางทหาร แต่การตั้งอาวุธในพื้นที่พลเรือนคือความรุนแรงที่ประชาชนต้องไม่เป็นผู้รับเคราะห์”
อ้างอิงจาก: ข่าว



















