เขมรใช้เวทีสหประชาชาติ เรียกร้องสั่งให้ไทยหยุดยิงทันที
เมื่อช่วงตี 2 ที่ผ่านมา [ตามเวลาท้องถิ่น] หลังการประชุมของ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมีเอกอัครราชทูตปากีสถาน "อาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด" เป็นประธานหมุนเวียนในเดือนนี้ ได้กำหนดจัดประชุมฉุกเฉิน ตามคำร้องของทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อชี้แจงถึงปัญหาความขัดแย้ง
โดยเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรกัมพูชา "เจีย แก้ว" ประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า "ก้มพูชาต้องการ ให้ไทยหยุดยิงทันที โดยไม่มีเงื่อนไข" และ "เราขอเรียกร้องให้ไทยแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี..." พร้อมตั้งคำถามว่า "ทำไมไทยถึงยิงใส่กัมพูชาก่อน?"
ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขของไทย ได้โต้กลับไปว่า "เหตุใดกัมพูชาถึงยิงไทยก่อน?" และ "ประชาชนไทยอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน แล้วกว่า 138,000 คน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 15 ราย เป็นพลเรือน 14 ราย และ ทหาร 1 นาย และผู้บาดเจ็บอีก 46 ราย รวมถึงทหาร 15 นาย" และ "หลังจากสู้รบผ่านไปได้ 1 วัน วันที่ศุกร์ที่ผ่านมา การรบก็ได้กลับมาดำเนินอีกครั้ง ใน 3 พื้นที่ประมาณ 4.00 น. โดยกองกำลังกัมพูชายังคงยิงอาวุธหนักใส่ไทยเช่นเดิม ปืนใหญ่สนาม และ ระบบจรวด BM-21 ใส่ประชาชนชาวไทย ขณะที่กองกำลังไทยตอบโต้ด้วย การยิงสนับสนุนที่เหมาะสม ใส่แต่กองกำลังทหารกัมพูชาเพียวๆ"
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ "นิกรเดช พลางกูร" ของไทย กล่าวว่า "การสู้รบเริ่มคลี่คลายลง ในช่วงบ่ายของวันที่ 25 กรกฎาคม" และ "ทางการไทยยังเปิดรับการเจรจา ซึ่งอาจได้รับความช่วยเหลือจากมาเลเซียอยู่"
กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วง อย่างเป็นทางการต่อสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยกล่าวหาว่า "การกระทำของไทยเป็นการ รุกรานที่วางแผนไว้ล่วงหน้า ซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง!!"
ก่อนหน้านี้ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย "เชิดชาย ใช้ไววิทย์" ประจำสหประชาชาติ ได้ยื่นจดหมายอย่างเป็นทางการ ถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ, เลขาธิการสหประชาชาติ "อันโตนิโอ กูเตอร์เรส" และ เหล่าบรรดาผู้แทนถาวร ของชาติสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด โดยมีเนื้อหาในจดหมายว่า "กัมพูชากระทำการรุกรานทางทหาร ต่ออธิปไตยของไทย โดยเริ่มจากการลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ในดินแดนไทย" และ เปิดฉากโจมตีดินแดนไทยใน 4 จังหวัดอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ส่งผลให้มีทหารและพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก" และ "ไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง ตามกฎบัตรสหประชาชาติ" และ "เรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันกัมพูชา เพื่อให้กัมพูชายุติการกระทำอันก้าวร้าว และ กลับสู่การเจรจาโดยทันที!!"















