เคลื่อนไหวแล้ว! ประกาศใช้กฎอัยการศึก 2 จังหวัดตะวันออกจันทบุรี-ตราดหวั่นสถานการณ์บานปลาย
ประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรีและตราด หลังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียด
ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 มีรายงานจากผู้สื่อข่าวว่า พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดน จันทบุรีและตราด ได้ลงนามในประกาศอย่างเป็นทางการจากกองบัญชาการฯ เกี่ยวกับการประกาศใช้ "กฎอัยการศึก" ในบางเขตพื้นที่ของสองจังหวัดชายแดนฝั่งตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี และตราด โดยสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีรายงานว่ากองกำลังจากฝั่งกัมพูชาได้ใช้กำลังอาวุธรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
ภูมิหลังของการประกาศใช้กฎอัยการศึก
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ประเทศไทยเคยประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรภายใต้การดำเนินการของ "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ซึ่งประกาศใช้กฎอัยการศึกในเวลาประมาณ 20.05 น. ของวันดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เลิกใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่และคงไว้เฉพาะบางเขตเท่านั้น โดยอิงตามสถานการณ์ในขณะนั้น
แต่ในปี 2568 นี้ สถานการณ์ชายแดนมีแนวโน้มลุกลามอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่ากองกำลังจากประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้าสู่พื้นที่ชายแดนฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับรัฐบาลและประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว
เหตุผลที่ต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในครั้งนี้
กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดให้เหตุผลว่า การรุกรานของกัมพูชาในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ และถือเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของชาติ ความมั่นคงของดินแดน และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยในพื้นที่
จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องอาศัยกองกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่พลเรือน รวมถึงความร่วมมือจากประชาชนไทยในการปกป้องราชอาณาจักร โดยใช้มาตรการที่เข้มข้นที่สุดภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการประกาศใช้ "กฎอัยการศึก"
เขตพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การประกาศใช้กฎอัยการศึก
ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดของเขตพื้นที่ที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกเพิ่มเติมดังนี้:
จังหวัดจันทบุรี
อำเภอเมืองจันทบุรี
อำเภอท่าใหม่
อำเภอมะขาม
อำเภอแหลมสิงห์
อำเภอแก่งหางแมว
อำเภอนายายอาม
อำเภอเขาคิชฌกูฏ
จังหวัดตราด
อำเภอเขาสมิง
โดยทั้งสองจังหวัดถือเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีความอ่อนไหวทางด้านความมั่นคง ซึ่งต้องเฝ้าระวังและควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
กฎหมายที่เกี่ยวข้องและอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
การประกาศใช้กฎอัยการศึกในครั้งนี้อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 176 วรรคสอง ประกอบกับพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 มาตรา 4 ซึ่งระบุถึงอำนาจของฝ่ายทหารในการเข้าควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
ตามกฎหมายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทหารสามารถใช้อำนาจในการตรวจค้น ยึดทรัพย์ เรียกตัวบุคคล สั่งห้ามชุมนุม หรือแม้กระทั่งจับกุมผู้ต้องสงสัยโดยไม่ต้องมีหมายศาลในบางกรณี ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
ปฏิกิริยาของประชาชนและแนวโน้มสถานการณ์
แม้ว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึกจะเป็นมาตรการที่เข้มงวดและส่งผลต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในบางส่วน แต่ก็มีเสียงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก โดยเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศในภาวะวิกฤติ
ในขณะเดียวกัน หน่วยข่าวกรองและกองทัพยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของกัมพูชาอย่างใกล้ชิด และได้มีการส่งกองกำลังเข้าเสริมพื้นที่แนวชายแดนเพื่อป้องกันการรุกล้ำเพิ่มเติม
ความสำคัญของพื้นที่จันทบุรีและตราดในเชิงยุทธศาสตร์
พื้นที่ทั้งสองจังหวัดนี้นอกจากจะเป็นจุดเชื่อมต่อชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำคัญในแง่ของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการค้าชายแดน โดยเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรและด่านศุลกากรหลายแห่งที่เชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ
ดังนั้นความมั่นคงในพื้นที่นี้จึงไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศโดยรวม
บทสรุป: การตัดสินใจที่จำเป็นเพื่อความมั่นคงของชาติ
การประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรีและตราดครั้งนี้ นับเป็นการตัดสินใจที่มีความจำเป็นและอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจลุกลามและกระทบต่ออธิปไตยของชาติ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบและมุ่งมั่นที่จะใช้มาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องประเทศ
ประชาชนในพื้นที่ควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด และติดตามประกาศจากทางราชการอย่างเป็นทางการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตนเองและความมั่นคงของชาติ
ติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาได้ที่เว็บไซต์ของเราหรือช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อรับข้อมูลล่าสุดแบบเรียลไทม์















