“รัสเซียออกโรงเตือน ไทย–กัมพูชา อย่าใช้อาวุธ! แนะยุติพิพาทชายแดนด้วยสันติวิธี”
เมื่อเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน กลายเป็นข่าวร้อนที่ชาวอาเซียนต้องจับตา ล่าสุดประเทศมหาอำนาจอย่าง รัสเซีย ก็ทนเงียบไม่ได้ ถึงขั้นออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ ยับยั้งชั่งใจ และหันมาใช้การ เจรจา เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่กำลังลุกลาม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยเพจ เฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ถ้อยแถลงของ นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ซึ่งตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชาที่บานปลายจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย และบาดเจ็บอีกหลายคน
📍 รัสเซียห่วง! สถานการณ์ชายแดนอาเซียนร้อนแรง
นางซาคาโรวาเปิดเผยว่า รัสเซียมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่ยกระดับขึ้นในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยรัสเซียขอเรียกร้องให้ทั้งไทยและกัมพูชาดำเนินการอย่างรอบคอบ ใช้ความอดทนอดกลั้น และมุ่งหาทางออกด้วย สันติวิธี ผ่านโต๊ะเจรจา
สิ่งที่น่าสนใจคือ รัสเซียยังชี้ให้เห็นว่า ปัญหาความขัดแย้งชายแดนในหลายภูมิภาค รวมถึงอาเซียน ส่วนหนึ่งเป็น มรดกตกทอดจากยุคล่าอาณานิคม ของชาติตะวันตกในอดีต ซึ่งสร้างรอยร้าวและเส้นแบ่งเขตแดนทับซ้อนจนสืบเนื่องถึงปัจจุบัน
🌏 ASEAN ต้องเป็นศูนย์รวมของความร่วมมือ
ท่ามกลางสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิกที่กำลังตึงเครียดขึ้นในหลายจุด รัสเซียมองว่า การหันมาพึ่ง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาให้ทุกประเทศสมาชิกอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ
นางซาคาโรวาย้ำว่า อาเซียนควรยึดหลัก เอกภาพ และ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะหากประเทศเพื่อนบ้านยังห้ำหั่นกันเอง ความฝันของอาเซียนที่จะเป็นประชาคมเศรษฐกิจและการเมืองที่มั่นคงก็จะสั่นคลอน
⚡ ชายแดนเดือดเพราะอะไร?
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมไทย–กัมพูชา ถึงมีข้อพิพาทชายแดนมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมานาน คำตอบคือ บริเวณแนวชายแดนบางส่วน โดยเฉพาะพื้นที่รอบ ปราสาทพระวิหาร (Preah Vihear) และป่าเขตแดนติดจังหวัดศรีสะเกษ มีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันมาเป็นร้อยปี
แม้ศาลโลกจะเคยตัดสินว่าตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาแล้ว แต่พื้นที่โดยรอบยังตีความได้หลากหลายและยังมีชาวบ้านสองฝั่งใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายได้ง่าย หากมีการเคลื่อนย้ายกำลังหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใกล้เขตแดน
🕊️ ทางออกอยู่ที่โต๊ะเจรจาที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชาเองก็มีความพยายามใช้เวทีทวิภาคีและอาเซียนในการหาทางออกมาหลายครั้ง แม้จะมีเหตุปะทะประปราย แต่ก็สามารถคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลายเป็นสงครามใหญ่ได้ทุกครั้ง ครั้งนี้ รัสเซียในฐานะประเทศคู่เจรจาสำคัญของหลายชาติในอาเซียน จึงออกมาส่งสัญญาณกระตุ้นให้ทั้งสองประเทศหันหน้าเข้าหากัน เพราะสงครามจะไม่ช่วยให้ใครได้ประโยชน์ แต่การเจรจาและความร่วมมือจะสร้างอนาคตที่มั่นคงได้มากกว่า
✅ สรุป
- รัสเซียแสดงความกังวลและเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ
- โฆษกรัสเซียระบุว่าข้อพิพาทชายแดนส่วนใหญ่เป็นผลพวงจากยุคล่าอาณานิคม
- ย้ำว่าทางออกต้องใช้โต๊ะเจรจา และหลักเอกภาพของอาเซียน
- ประชาชนทั้งสองประเทศต่างคาดหวังให้เหตุการณ์ยุติอย่างสันติ เพื่อความปลอดภัยของคนชายแดน
เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญว่า เส้นเขตแดนที่มองไม่เห็นบนแผนที่ อาจเปลี่ยนชีวิตคนที่อยู่ตรงนั้นได้ในพริบตา การพูดคุยและการเข้าใจกันจึงยังเป็น อาวุธที่ทรงพลังที่สุด สำหรับบ้านพี่เมืองน้องเช่นไทย–กัมพูชา
อ้างอิงจาก: bbc cnn






















