เป้าหมายของกัมพูชา คืออะไรกันแน่?
เหตุผลใดที่ทำให้กัมพูชาเปิดศึกปะทะกับไทยก่อน
กัมพูชาเป็นประเทศที่เล็กและมีกำลังทหารน้อยกว่า แต่อะไรเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้กัมพูชากล้าที่จะเปิดสงครามกับไทยเราขอยกตัวอย่าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น ชายแดนสระแก้ว ซึ่งพื้นที่นี้เกิดความขัดแย้งอย่างดุเดือดหลายครั้ง เฉพาะในช่วงปี 2551-2554 เริ่มจากปี 2551 กัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว แม้ปราสาทจะตั้งอยู่บนดินแดนที่ศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชาในปี 2505 แล้ว แต่ไทยกลับไม่เห็นด้วย เพราะพื้นที่โดยรอบปราสาทยังเป็นเขตแดนพิพาท ที่ไทยอ้างสิทธิ์ว่าเป็นของตน การขึ้นทะเบียนที่แนบ แผนที่และขอบเขต ซึ่งรวมพื้นที่ทับซ้อน จึงถูกมองว่าเป็นการรุกล้ำ และ ในช่วงเวลานั้น การเมืองภายในประเทศของไทยกำลังร้อนแรง รัฐบาลจึงถูกกดดันอย่างหนักให้ ปกป้องอธิปไตย เพราะไม่เช่นนั้น จะเป็นการตีความได้ว่า ไทยยอมรับเขตแดนตามที่กัมพูชากำหนด ทั้งสองฝ่ายต่างมองว่าตนเองมีเหตุผล และ ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายยอม จึงกลายเป็นข้อขัดแย้งเรื่อยมา
กัมพูชาเคยเปิดฉากปะทะกับไทยตามชายแดนหลายครั้ง แต่ความจริงแล้ว กัมพูชาไม่ได้ต้องการชัยชนะทางทหาร เพราะรู้อยู่แล้วว่า กำลังทางทหารและอาวุธในประเทศ ไม่เพียงพอที่จะไปต่อสู้กับ ประเทศที่ใหญ่กว่าได้ กัมพูชาไม่ได้หวังให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบ แต่สิ่งที่กัมพูชาต้องการคือ ชัยชนะทางการเมือง และ การได้เปรียบในเวทีโลก กัมพูชาสามารถเรียกร้องความสนใจจากนานาประเทศได้ โดยเปลี่ยนตัวเองให้เป็น ฝ่ายถูกกระทำ เมื่อไทยตอบโต้ทางทหาร กลับกลายเป็นว่าประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็ก กัมพูชาสามารถใช้เหตุการณ์นั้นเป็นหลักฐานฟ้องศาลโลก หรือ ขอความช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ประชาชนชาวกัมพูชา เกลียด ผู้นำของพวกเขา แต่เมื่อทางรัฐบาลกัมพูชา สร้างสถานการณ์เช่นนี้ ผู้นำของพวกเขา จะกลายเป็นฮีโร่ทันที โดยการปลุกกระแสชาตินิยม มารวมตัวกัน เมื่อมีภัยคุกคามจากภายนอก
การที่กัมพูชากล้าที่จะเปิดการปะทะกับไทย ไม่ได้เกิดจากความมุทะลุ แต่เพราะ คิดว่าตนเองมีชาติมหาอำนาจหนุนหลังอยู่ คือ จีน ทั้งจีนและกัมพูชามีความสัมพันธ์อันดี กัมพูชาพึ่งพาจีนทางเศรษฐกิจและความมั่นคง อีกทั้ง จีนเป็นทั้งผู้ลงทุนหลัก ผู้ให้ความร่วมมือทางทหารแก่กัมพูชา ด้วยเหตุนี้ กัมพูชาอาจจะคิดเข้าข้างและรู้สึกว่าจีนจะเข้าข้างตนเองอย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ก็เป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคงเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมั่นคง ความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา จีนได้แสดงจุดยืนที่มุ่งเน้นการเจรจา พร้อมยืนยันว่าไม่เอียงข้าง และ เสนอใช้สถานะเป็นตัวกลางเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดมากกว่า
ปัญหาความขัดแย้งของไทยและกัมพูชาประเด็นหลักก็มาจากพื้นที่แนวชายแดนที่ยังไม่ชัดเจน และ การครอบครองเหนือพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งปัญหานี้ควรได้รับแก้ไขทางการเจรจาและการทูต การใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความอดทน ความจริงใจ และ ความมุ่งมั่นทางการเมืองจากทั้งสองประเทศ เพื่อก้าวข้ามความแตกต่างในอดีต และ สร้างอนาคตที่มั่นคงและเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ถ้าปัญหานี้ได้รับการแก้ไข ปัญหาความขัดแย้งก็คงจบ และ คงไม่มีการสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อไหร่? นั่นคือคำถาม



















