จากพ่อบ้านธรรมดา...สู่ความว่างเปล่าทั้งหัวใจ แค่จอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ภาพจาก รวมไอจีดารา
สวัสดีครับ วันนี้ผมขอเล่าเรื่องที่กินใจที่สุดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ชายแดนเดือด หลายคนอาจจะได้เห็นข่าวแล้วว่ามีครอบครัวนึง คนพ่อจอดรถรอหน้าร้านสะดวกซื้อ แค่ไม่กี่นาทีถัดมา เมียกับลูก 2 คน หายไปจากชีวิตเขาตลอดกาล เหตุเกิดเร็วมากจนเจ้าตัวเองยังพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มปนสะอื้น แล้วพูดคำเดียวว่า...
"เขาไม่เหลือใครให้ผมเลยครับ..."
นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ในแนวหน้าสมรภูมิ ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่นักข่าว ไม่ใช่เป้าหมายอะไรเลย เป็นแค่ครอบครัวธรรมดาๆ ที่แวะซื้อของกินก่อนกลับบ้านเท่านั้นเอง
ย้อนกลับไปช่วงสายของวันที่เกิดเหตุ ครอบครัวนี้ขับรถออกมาซื้อของ ลูกน้อยสองคนใส่ชุดนอนวิ่งเข้าร้านกับแม่ พ่อจอดรถไว้หน้าร้าน เปิดแอร์ รออยู่อย่างมีความสุข กะว่ากลับบ้านไปจะกินข้าวกันพร้อมหน้า แต่ไม่ทันถึง 3 นาที เสียงตูมสนั่นหวั่นไหว เสียงดังราวกับผ่าโลก
เศษกระจก เศษเหล็ก เสียงคนกรีดร้อง เสียงระเบิดลูกนั้นเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตเขาในพริบตา
พ่อคนนั้นรีบลงจากรถ มองไปรอบร้าน ไม่เห็นลูกเมียแล้ว เหลือแต่ซากข้าวของพังพินาศ กับความว่างเปล่าที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตคนเป็นพ่อ
เขาร้องเรียกชื่อเมีย เรียกลูก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ ไม่มีแม้แต่โอกาสได้บอกลา ไม่มีแม้แต่คำสุดท้ายจากคนที่รักที่สุดในชีวิต...
หลังจากนั้นร่างที่ไร้วิญญาณของภรรยาและลูกสองคนถูกนำออกมาทีละคน เขาทรุดลงกับพื้น ไม่กรีดร้อง ไม่โวยวาย แค่นั่งกุมหัว นิ่งไปนาน ก่อนจะพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า
“ถ้ายังมีใครสักคนกลับมา ผมก็ยังพอรับได้นะครับ... แต่นี่ไปหมดเลย”
ใครจะคิดว่าจากแค่การออกมาซื้อของใช้ประจำวัน จะกลายเป็นการออกจากบ้านครั้งสุดท้ายของลูกเมีย โดยไม่มีแม้แต่ลางบอกเหตุ ไม่มีใครเตือน ไม่มีไซเรน ไม่มีสัญญาณอะไรเลย
ชายคนนี้ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่แนวหน้า ไม่ใช่ใครที่ควรต้องรับกรรมแบบนี้ เขาเป็นเพียงพ่อคนหนึ่งที่รักครอบครัวมาก ๆ ชอบพาลูกกินข้าวข้างทาง พาไปเที่ยวตามตลาดนัดวันหยุด ชีวิตไม่ได้หวือหวา แต่ก็อบอุ่นแบบที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน
วันนี้เขายังไม่ยอมเก็บของในรถ เพราะทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม กล่องนมลูก ช้อนเด็ก ตุ๊กตาตัวโปรด ยังวางอยู่ข้างหลังเบาะ เขาบอกว่า...
"ผมแค่ยังไม่อยากให้พวกเขาหายไปจริง ๆ ขอผมอยู่กับกลิ่นของลูกเมียอีกหน่อยก็ยังดี..."
ฟังแล้วใจหาย น้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว คนเราจะเข้มแข็งขนาดไหนก็เถอะครับ เจอแบบนี้ไม่รู้จะตั้งหลักยังไงจริง ๆ
เขาบอกกับนักข่าวว่า ต่อให้ผ่านไปอีกกี่วัน ก็ยังจำเสียงหัวเราะของลูกตอนแกล้งพ่อ จำหน้าภรรยาตอนหันมายิ้มให้หลังจากกดมือถือเสร็จ จำทุกอย่างได้หมด แต่มันไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นอีกเลย
เหตุการณ์นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บปวดที่ไม่ควรเกิดกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะฝั่งไหน ไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนา หรือแค่คนธรรมดาแบบเรา ๆ การสูญเสียแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยจริง ๆ
จากพ่อบ้านธรรมดาในวันนั้น... กลายเป็นชายที่นั่งอยู่คนเดียวในบ้านเงียบ ๆ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้ว ไม่มีเสียงเรียก "พ่อ ๆ หนูอยากกินนม!" อีกต่อไป
สิ่งที่เหลือมีแค่ความทรงจำ กับความเงียบที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต
ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้เรื่องนี้ไม่เงียบ อยากให้ทุกคนเห็นว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นจริงกับคนธรรมดาที่ไม่ควรโดนเลย
และที่สำคัญ... ถ้าวันนี้เรายังมีคนที่รักอยู่ใกล้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เมียลูก คนรัก เพื่อน หรือใครก็ตาม อย่าลืมบอกเขาว่ารักนะครับ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าวินาทีไหนจะกลายเป็นวินาทีสุดท้าย
สุดท้ายนี้ ผมขอแสดงความเสียใจกับผู้จากไป และขอส่งกำลังใจให้พ่อคนนี้ครับ ขอให้เขามีแรงก้าวต่อไปให้ได้ แม้จะไม่มีใครเหลือแล้วก็ตาม
และขอให้เหตุการณ์แบบนี้... เป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องเห็นในชีวิต
อ้างอิงจาก: coffeeman
















