หัวอกพ่อแทบขาด! เมีย-ลูกดับสลด จรวด BM-21 ถล่มร้านสะดวกซื้อ
โศกนาฏกรรมกลางปั๊มน้ำมัน: สามแม่ลูกเสียชีวิตจากจรวด BM-21 ถล่มร้านสะดวกซื้อ – ญาติสุดเศร้า สามียังทำใจไม่ได้
ศรีสะเกษ – 24 กรกฎาคม 2568:ความสูญเสียครั้งใหญ่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อจรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชาได้พุ่งตรงมายัง ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ในจังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 7 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 14 คน โดยหนึ่งในครอบครัวที่สูญเสียหนักที่สุด คือครอบครัวของ สามแม่ลูก ซึ่งมีกำหนดกลับบ้านหลังแวะซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อ แต่สุดท้ายกลับต้องจบชีวิตอย่างไม่มีวันหวนกลับ
บทสัมภาษณ์จากญาติผู้เสียชีวิต และบรรยากาศในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากความขัดแย้งชายแดนที่ขยายวงเกินกว่าพื้นที่สู้รบ กลายเป็นภัยถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ลึกของประเทศไทย
🎯 จรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชา พุ่งตรงตกใส่ปั๊มกลางวันแสกๆ
เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงสายของวันที่ 24 กรกฎาคม เวลาประมาณ 10.00 น. จากการสู้รบที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง ทางฝั่งกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 ซึ่งเป็นจรวดหลายลำกล้องชนิดหนึ่ง พุ่งตกลงใส่ ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ชุมชนของ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
แรงระเบิดจากจรวดส่งผลให้ร้านสะดวกซื้อพังเสียหายเกือบทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกระจัดกระจายทั่วบริเวณ และที่น่าเศร้าที่สุดคือ 3 ในผู้เสียชีวิต เป็นสมาชิกของครอบครัวเดียวกัน ได้แก่ แม่ ลูกชายวัย 5 ขวบ และลูกสาววัย 15 ปี
💔 ญาติเปิดใจ น้ำตาคลอ: “ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์จะมาถึงหมู่บ้านเรา”
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยัง บ้านเคียงน้อย ตำบลเมือง อำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยได้พูดคุยกับ นายสุรศักดิ์ ไชยภักดี ญาติของนางรุ่ง (ผู้เป็นแม่) และหลานอีกสองคนที่เสียชีวิต
นายสุรศักดิ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเขายังนั่งพูดคุยกับญาติพี่น้องอยู่ในหมู่บ้าน โดยยืนยันกันว่าเหตุการณ์ยิงจรวดจากกัมพูชานั้น “ไม่น่าจะมาถึงหมู่บ้านนี้” เพราะห่างจากชายแดนถึง 30 กิโลเมตร อีกทั้งในอดีตก็ไม่เคยมีการยิงจรวดลงมาถึงบริเวณนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เราคุยกันไม่ถึง 5 นาที ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น ก่อนจะเห็นควันพวยพุ่งขึ้นมาจากปั๊มน้ำมัน ตอนแรกก็ตกใจ แต่ไม่คิดว่าจะมีญาติของเราอยู่ในนั้นด้วย จนมีคนมาบอกข่าวว่า แม่กับลูก 2 คนของเขาเสียชีวิตแล้ว”
🧸 จากวันธรรมดา สู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน: แวะซื้อขนม กลับกลายเป็นวินาทีสุดท้าย
นายสุรศักดิ์เล่าต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเปา ผู้เป็นสามีของนางรุ่ง ได้ขับรถออกจากบ้านไปรับลูกๆ กลับจากโรงเรียน เนื่องจากทางโรงเรียนมีการประกาศให้ นักเรียนกลับบ้านก่อนเวลา เพราะสถานการณ์ไม่ปลอดภัย
หลังจากไปรับลูกๆ แล้ว ทั้งครอบครัวก็แวะที่ ปั๊มน้ำมัน เพื่อเติมน้ำมันตามปกติ และซื้อขนมให้ลูกๆ เหมือนในวันธรรมดาๆ อีกวันหนึ่ง ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำเป็นประจำ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย
ในจังหวะที่เกิดเหตุ นายเปาได้แยกตัวไปเข้าห้องน้ำ ส่วนภรรยาและลูกๆ ได้เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเพื่อเลือกขนม ระหว่างนั้นเองที่ จรวด BM-21 พุ่งเข้ามาตกลงยังร้านโดยตรง
แรงระเบิดมหาศาลทำให้ ลูกสาววัย 15 ปี กระเด็นออกมานอกร้านและเสียชีวิต ส่วน นางรุ่งและลูกชายวัย 5 ขวบ ถูกแรงระเบิดในจุดที่อยู่ใกล้ที่สุด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
🧠 จิตใจย่ำแย่ – พ่อของเด็กต้องพักรักษาใจ
หลังเกิดเหตุ นายเปา ผู้เป็นสามี ได้รับการช่วยเหลือออกจากพื้นที่โดยด่วน ก่อนจะถูกพาไปพักรักษาสภาพจิตใจที่บ้านญาติใน บ้านหนองสนม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
นายสุรศักดิ์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ญาติๆ ยังไม่กล้าบอกทุกเรื่องกับนายเปาในรายละเอียด เพราะสภาพจิตใจของเขาอยู่ในภาวะ “ย่ำแย่อย่างถึงที่สุด” จนไม่สามารถแม้แต่จะกลับไปดูที่เกิดเหตุได้
⛺ อพยพชาวบ้าน – หมู่บ้านเคียงน้อยเหลือเพียงชายฉกรรจ์เฝ้าทรัพย์
บรรยากาศในหมู่บ้านเคียงน้อยหลังเกิดเหตุเงียบเหงาและเต็มไปด้วยความกลัว ชาวบ้านจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และสตรี ได้ อพยพออกจากพื้นที่แล้ว โดยบางรายไปอาศัยอยู่กับญาติในอำเภอใกล้เคียง หรือในจังหวัดอุบลราชธานีที่ปลอดภัยกว่า
ขณะที่ในหมู่บ้านตอนนี้ เหลือเพียงผู้ชายบางคน ที่อาสาอยู่เฝ้าบ้านและทรัพย์สิน ซึ่งแม้จะเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะการอพยพออกพร้อมกันทั้งหมดอาจทำให้ทรัพย์สินในหมู่บ้านตกอยู่ในความเสี่ยง
“เรากลัว แต่ต้องอยู่ เพราะถ้าทิ้งหมดบ้านก็อาจโดนขโมย หรือต้องกลับมาเริ่มใหม่หมด”
ชายวัย 45 ปีที่อยู่เฝ้าหมู่บ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
📌 ความสูญเสียที่ไม่มีวันหวนกลับ – ใครรับผิด?
เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้สะท้อนถึงผลกระทบของ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ที่ลุกลามมาถึงประชาชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการโจมตีเข้าใกล้หรือเข้าใส่พื้นที่ชุมชน ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานแล้ว ยังอาจเข้าข่ายการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
คำถามที่เริ่มเกิดขึ้นจากสังคม คือ “ใครจะรับผิดชอบต่อความสูญเสียเช่นนี้?” การสูญเสีย 3 ชีวิตของครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง ไม่ควรถูกมองว่าเป็น “ความเสียหายข้างเคียง” ของสงคราม
✍️ บทสรุป: ขอเพียงความสงบ...ก่อนจะไม่มีใครเหลือ
กรณีของครอบครัวสามแม่ลูกที่ต้องจบชีวิตจากจรวด BM-21 ที่ตกกลางปั๊มน้ำมัน เป็นเพียง หนึ่งในโศกนาฏกรรมจำนวนมาก ที่อาจจะตามมา หากสถานการณ์ความไม่สงบยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้
“เราไม่ได้อยู่แนวหน้า ไม่ได้สู้รบ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แค่ไปรับลูกกลับบ้าน แวะซื้อขนม แล้วก็ไม่กลับบ้านอีกเลย”
เสียงสะอื้นของญาติที่ต้องสูญเสียไปโดยไม่ทันตั้งตัวเป็นเสียงที่คนทั้งประเทศควรได้รับฟัง














