สถานการณ์ตึงเครียด! ปราสาทโดนตวลโดนลูกหลง BM-21 ทหารไทยบาดเจ็บ
ชายแดนเดือด! กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกใส่พื้นที่ไทย ทหารบาดเจ็บ 2 นาย – ชาวบ้านเร่งอพยพหนีตาย
วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดต่อเนื่อง ล่าสุด กองทัพภาคที่ 2 รายงานความเคลื่อนไหวสำคัญว่าเมื่อเวลาประมาณ 09.40 น. เกิดเหตุปะทะอย่างรุนแรงบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีการใช้ จรวด BM-21 ยิงเข้ามาในเขตไทย ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และมีร่องรอยการโจมตีหลายจุดใกล้ชุมชนในพื้นที่ชายแดนของจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชธานี
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่าง "ปราสาทโดนตวล" และ "กลุ่มปราสาทตาเมือนธม" เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์การสู้รบโดยไม่รู้ตัว
🔥 จุดเริ่มต้นของการปะทะ: BM-21 ยิงจากเขาแหลมเข้าเขตไทย
ตามรายงานของกองทัพภาคที่ 2 จรวด BM-21 ซึ่งเป็นอาวุธปืนใหญ่จรวดหลายลำกล้อง ถูกยิงมาจาก ฐานยิงบริเวณเขาแหลม ฝั่งกัมพูชา ห่างจาก ด่านช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ราว 6 กิโลเมตร โดยเป้าหมายหลักคือพื้นที่กลุ่มโบราณสถาน “ปราสาทตาเมือนธม” ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และพื้นที่โดยรอบที่ยังคงมีประชาชนอยู่อาศัย
หนึ่งในหัวจรวดได้พุ่งตกลงในเขตของ ปราสาทโดนตวล จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชุมชนและเส้นทางอพยพของชาวบ้าน ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น และมีควันพวยพุ่งทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ต้องรีบเข้าควบคุมสถานการณ์ และอพยพประชาชนออกจากจุดเสี่ยงทันที
🚨 ทหารไทยเจ็บ 2 – พื้นที่ใกล้ชุมชนถูกยิงซ้ำ
จากการปะทะที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า มี ทหารไทย 2 นาย ได้รับบาดเจ็บ โดยเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากแรงระเบิดและสะเก็ดของจรวด BM-21 ที่ตกลงใกล้จุดที่เจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนอยู่ ทั้งสองนายถูกลำเลียงนำส่งโรงพยาบาลค่ายสุรนารีอย่างเร่งด่วน ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า พื้นที่ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฐานยิงของฝ่ายกัมพูชา ได้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนใหญ่จากฝั่งตรงข้ามด้วยเช่นกัน
จุดที่ถูกโจมตีอยู่ใกล้ชุมชน และโรงเรียนในพื้นที่ชายแดน ส่งผลให้ทางการต้องประกาศให้มีการ อพยพประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ออกจากพื้นที่ชายแดนทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียเพิ่มเติม
🏚️ “ปราสาทโดนตวล” เสียหาย – โบราณสถานกลายเป็นสนามรบ
การยิงจรวดเข้าเขตไทยในครั้งนี้ สร้างความเสียหายต่อ “ปราสาทโดนตวล” ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญอายุหลายร้อยปี ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนของจังหวัดศรีสะเกษ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโบราณสถานโบราณคดีที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมระดับชาติ
เบื้องต้น มีรายงานว่าพื้นที่บางส่วนของปราสาทได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ขณะที่ทางกรมศิลปากรกำลังส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบร่วมกับหน่วยทหาร
นักอนุรักษ์ในพื้นที่กล่าวว่า
“การยิงอาวุธเข้าใส่โบราณสถานแบบนี้เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ และไม่เคารพต่อมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ”
🧭 วิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: เหตุใดยิงเป้าหมายใกล้ชุมชน?
นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกยิงเป้าหมายใกล้ชุมชนและโบราณสถาน อาจมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดันไทยทางจิตวิทยา หรือแสดงความเหนือกว่าทางยุทธวิธีโดยใช้ “สงครามลูกผสม” (Hybrid Warfare) คือการผสมผสานระหว่างการใช้อาวุธกับการสร้างกระแสทางสื่อและจิตวิทยาสงคราม
ทั้งนี้ ยังมีข้อสงสัยว่าเหตุการณ์ปะทะครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเรื่องเส้นเขตแดนที่ยังไม่ได้รับการจัดการอย่างเป็นทางการระหว่างไทยและกัมพูชาในบางพื้นที่
📢 ฝ่ายไทยตอบโต้ – เสริมกำลังพร้อมเฝ้าระวังเต็มที่
หลังเกิดเหตุปะทะ กองทัพภาคที่ 2 ได้เร่งประสานหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ตลอดจนเสริมกำลังเจ้าหน้าที่จากกองพันทหารราบเข้าไปตรึงพื้นที่แนวชายแดนเพื่อป้องกันการซ้ำเติมจากฝั่งกัมพูชา พร้อมประกาศให้ ประชาชนอยู่ในบ้านและหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังแนวชายแดน
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังเตรียมยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านช่องทางการทูต พร้อมประสานสำนักงานคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อให้มีการหารือเร่งด่วนระดับเจ้าหน้าที่ทหารและทูตประจำพื้นที่
🗣️ เสียงจากประชาชน: “อยู่กันไม่ได้แล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้”
ชาวบ้านในพื้นที่ อ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก และ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้จุดปะทะ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า พวกเขาต้องใช้ชีวิตแบบระแวดระวังตลอดเวลา และรู้สึกว่า “บ้านของตัวเองไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”
“เมื่อคืนยังได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงซ้อมรบ แต่พอตื่นเช้ามา เจอบ้านพังหลังหนึ่ง เราเลยรู้ว่ามันจริงแล้ว ไม่ใช่ซ้อม”
🌍 สถานการณ์ที่โลกจับตามอง – ละเมิดหลักมนุษยธรรม?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายฝ่ายในระดับสากลเริ่มจับตามองความเคลื่อนไหวระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะในกรณีที่มีการโจมตีเข้าใกล้พื้นที่ชุมชน ซึ่งอาจเข้าข่าย ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ว่าด้วยการคุ้มครองพลเรือนในเขตสงคราม
นักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศระบุว่า
“การใช้จรวดและอาวุธหนักในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่โดยไม่มีมาตรการป้องกันเป็นการละเมิดกฎสากลอย่างร้ายแรง”
🔚 บทสรุป: สถานการณ์ชายแดนที่ต้องจับตา – ความรุนแรงที่ไม่ควรเกิด
เหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ไม่ใช่เพียงเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสองชาติเท่านั้น แต่เป็น สัญญาณเตือนถึงภัยจากความไม่มั่นคง ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้บริสุทธิ์
“จรวดลูกเดียว อาจเปลี่ยนชีวิตคนทั้งหมู่บ้าน”
ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการหารืออย่างจริงจังทั้งในระดับทวิภาคีและเวทีนานาชาติ เพื่อยุติความรุนแรง และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ














